ไฟไหม้เสาสะพานมอญกลางดึก โชคดีอาสาสมัครพบก่อน เรียกคนมาช่วยดับทัน คาดมาจากก้นบุหรี่

เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ได้รับแจ้งทางวิทยุ จากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ว่ามีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากเสาสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ คาดว่าน่าจะเป็นไฟที่ไม้เสาสะพาน จึงได้ประสานให้ สายตรวจรถยนต์ โดย ร.ต.อ. วัชรินทร์ สุขสบาย รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.สังขละบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารชุดรักษาความสงบประจำอำเภอสังขละบุรี (รส.อ.สังขละบุรี) เดินทางไปยังบริเวณกลางสะพานมอญ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ พบ นายโซ และนายชญานิน ทองกันยา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ที่เป็นผู้แจ้ง โดยพบว่ามีควันลอบออกมาจากใต้พื้นสะพาน บริเวณหัวเสาตอม่อสะพาน ซึ่งเป็นเสาไม้ที่มีโพรงลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ตรงแกนกลางของเสา จึงได้ช่วยกันนำน้ำจากฝั่งชุมชนบ้านวังกะ มาดับไฟ โดยใช้เวลากว่า 15 นาที ควันไฟด้านล่างจึงได้หายไป

จากการสอบถาม นายชญานิน ทองกันยา 1 ในเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ที่พบเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ตนเองและเพื่อนเดินทางกลับไปทำธุระที่ฝั่งชุมชนบานวังกะ ขณะเดินข้ามสะพานฯ กลับมา ถึงบริเวณจุดที่เกิดเหตุได้กลิ่นไหม้และพบว่ามีควันลอยออกมาจากพื้นสะพาน จึงได้ใช้ไฟฉายส่องลงไปพบว่ามีไฟลุกไหม้เสาสะพานฯ จึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แฟ้มภาพ

โดย ร.ต.อ. วัชรินทร์ สุขสบาย เผยกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุการไหม้ในครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาจากก้นบุหรี่ ของผู้ที่เดินทางมาเที่ยว แล้วทิ้งบนสะพาน ซึ่งถือว่าโชคดีที่มีผู้พบเห็นก่อนที่ไฟจะลุกลามไปมากกว่านี้ โดยเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งตอนพิธีเปิดสะพานในปี พ.ศ.2558 จึงอยากประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไปยังประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวบริเวณสะพานฯ หากเป็นไปได้ไม่ควรสูบบุหรี่บนสะพานฯ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้สะพานฯได้ พร้อมนำเรื่องนี้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิดต่อไป

Advertisement

สำหรับสะพานไม้อุตตมานุสรณ์หรือสะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยและเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 รองจากสะพานอูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ตั้งอยู่ใน ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยดำริของพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ.2529-2530 โดยแรงงานชาวบ้านในพื้นที่ โดยสร้างจากไม้ทั้งหมด เดิมใช้เป็นสะพานสัญจรไปมาของชาวบ้านในพื้นที่ระหว่างชุมชนชาวมอญบ้านวังกะ-ฝั่งเทศบาลตำบลวังกะ ที่มีแม่น้ำซองกาเลียกั้นกลาง

โดยผ่านการซ่อมแซม ปรับปรุงมาหลายครั้ง จนมาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลาประมาณ 18.30 น. เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน3วัน ทำให้เกิดน้ำป่าจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นรเศวร พัดพาขยะและตอไม้ขนาดใหญ่ลงสู่แม่นำซองกาเลีย มาปะทะกับเสาสะพานฯ จนเป็นเหตุให้สะพานฯขาดเป็น2ท่อน โดยมีความยาวกว่า 70 เมตร

ต่อมาทางจังหวัดได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนมาทำการซ่องแซม แต่ไม่สามารถซ่อมให้แล้วเสร็จได้ตามกำหนด จนในที่สุดชาวบ้านออกมาเรียกร้องให้บริษัทยุติการซ่อม และขอให้ ค.ส.ช.ส่งทหารมาช่วยซ่อม ต่อมาทหารช่างจากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ค่ายสุรสีห์ ร่วมกับชาวบ้านอำเภอสังขละบุรี ใช้เวลาเพียง 29 วัน จึงแล้วเสร็จ โดยมีพิธีเปิดใช้สะพานอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันครบรอบชาตกาล 104 ปี ของพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) ผู้ให้กำเนิดสะพาน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image