ทนายกลุ่มรีสอร์ต ‘เขาค้อ’ ปัดดาราดังแกนนำต้านปฏิบัติการ 135

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม นายไพศาล เพชรวารา ที่ปรึกษาชมรมคนรักษ์เขาค้อ และทนายความ กล่าวถึงกรณีคณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบรีสอร์ตดาราดัง ซึ่งมีเบาะแสชี้ว่าเป็น 1 ในแกนนำคัดค้านปฏิบัติการ 135 รีสอร์ต ว่า สำหรับกรณีดาราซึ่งเป็นผู้ประกอบการดังกล่าวคงไม่ใช่แกนนำ เพียงแต่อาจจะใช้คำพูดไม่เหมาะสมและรีสอร์ตแห่งนี้ก็เคยถูกจับกุมมาครั้งหนึ่งแล้ว หากจะถามว่าเป็นแกนนำหรือไม่ ก็คงไม่ใช่ โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพมากกว่า เพราะคงคิดว่าอยากจะช่วยเขาค้อและอยากให้ภาครัฐกลับมามองการแก้ไขปัญหาที่ไปด้วยดีด้วยกันทุกฝ่าย เพชรบูรณ์คือเมืองท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวก็คือเขาค้อ จึงอยากให้ไปด้วยกันได้หมด

นายไพศาล กล่าวอีกว่า หลังจากทางตัวแทนกลุ่มรีสอร์ตและชาวบ้านราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) ได้เปิดแถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการจับกุม 135 รีสอร์ต พร้อมเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะรีสอร์ตและชาวบ้านไม่ใช่ผู้บุกรุกป่า ก็มีเสียงตอบรับจากทางภาคราชการในบางข้อเรียกร้อง ทำให้บรรยากาศมีการอ่อนตัวลง แต่สิ่งที่ทุกคนพยายามมองอยู่คือ น่าจะมีสิ่งอื่นที่ดีกว่า โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารอ้างว่า ใช้หลักบูรณาการแก้ไขปัญหาซึ่งน่าจะมีหลักบูรณาการที่ดีกว่านี้ ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้ประกอบการและชาวบ้าน รอส.ก็เตรียมต่อสู้และต้องเปิดข้อมูลทั้งหมดเพราะไม่มีทางอื่น

“ขณะนี้ พอผู้ประกอบการไม่กล้าอยู่ในพื้นที่ คนที่ทำงานในรีสอร์ต หรือสินค้าเกษตรขายไม่ดี ทำให้รายได้ถดถอยและเริ่มเกิดผลกระทบตามมา เวลานี้ชาวบ้านก็รู้แล้วว่า จะพื้นที่นอกบล็อกหรือในบล็อกก็คือประชาชนแล้วไม่ใช่ รอส.แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่า จะมานุ่งพูดคุยกันใหม่ก็ต้องงฝากไปถึงภาครัฐด้วย” นายไพศาล กล่าว

Advertisement

นายไพศาล ยังกล่าวถึงการที่ทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้อ้างว่า ผู้ประกอบการ 135 ราย ยืนยันพร้อมขอต่อสู้คดีว่า ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ให้เลือกข้อ 1 หรือ ข้อ 2 นั้น เป็นการบังคับว่า ต้องเลือกระหว่างยินยอมโดยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและคืนพื้นที่ให้ หรือไม่ยินยอมโดยจะต้องถูกดำเนินคดี ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการขอเรียกร้องข้อ 3 โดยยินยอมคืนพื้นที่ให้ทางราชการ แต่จะขอทำธุรกิจต่อไปโดยไม่มีการรื้อถอน และยินดีหากจะเสียค่าเช่า แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม หากผู้ประกอบการไม่เลือกก็จะถูกจับยัดใส่ข้อ 2 ซึ่งทุกคนไม่เต็มใจทั้ง 2 ข้ออยู่แล้ว

ด้านนางเบญวรรณ ต่ายตามบุญ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ม.4 ต.เขาค้อ เป็นทายาท รอส.เจ้าของที่ดินบ้านไร่นายน้ำหวานโฮมสเตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และวันที่ 17 พฤษภาคม ก็ยังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีก เลยเดินทางไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ที่ ศอป.โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็กเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“ยืนยันว่าไม่รื้อถอนและขอต่อสู้ทางคดี เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวทางพ่อสามีซึ่งเป็น รอส.มอบให้และทำกินมามาต่อเนื่อง ไม่ได้ขายที่ดินให้นายทุนแต่อย่างใด แต่กู้เงิน ธกส.ลงทุนสร้างบ้านพัก 2 หลังโดยเปิดเป็นโฮมสเตย์ได้เพียง 2 ปี ทำให้มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว ส่วนประเด็นคาใจคงเป็นเรื่องปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ซึ่งยกขบวนเข้าไปกันเยอะแยะ ทำให้คนแก่ทั้งในบ้านและรอบๆบ้านพักต่างตกใจ หากจะใช้วิธีประสานงานไปก่อนก็ได้ยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว” นางเบญจวรรณ กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image