ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ศุภณัฐ พุ่มน้อย รองผกก.(สอบสวน) สภ.ย่อยบางน้ำจืด ได้รับแจ้งเหตุมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่บริษัท ปัญจพลไฟเบอร์คอนเทนเนอร์ จำกัด (สาขาคอกกระบือ) ตั้งอยู่เลขที่ 38/8 ม.1 ถ.เอกชัย ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร มีบริเวณเนื้อที่รวม 40 ไร่ เป็นบริษัทผู้ผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้มีการประสานรถน้ำดับเพลิงจาก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร เทศบาลตำบลนาดี เทศบาลตำบลบางหญ้าแพรก อบต.คอกกระบือ อบต.โคกขาม อบต.บางน้ำจืด และรถน้ำดับเพลิงจากทางของโรงงานเอง รวมแล้วประมาณ 30 คัน เข้าระงับเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงตรงส่วนของบริเวณอาคารด้านในสุดที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่เศษ ซึ่งใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บกระดาษม้วนขนาดใหญ่ หรือ โกดังกระดาษ โดยในการนี้ พ.ต.อ.สุรจิต ชินวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ก็ได้เข้าตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของบริษัทได้ แต่ไฟก็ยังไม่ดับสนิท ยังคงต้องมีการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงกองกระดาษไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ไฟปะทุขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะต้องทำต่อไปอีกหลายชั่วโมง
จากการสอบถามนายสุรวุฒิ ภัทรโสทร อายุ 51 ปี ผู้จัดการโรงงาน กล่าวว่า อาคารที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บกระดาษมีกระดาษอยู่ประมาณ 2,000 ตัน ภายในมีเครื่องจักรสำคัญสำหรับผลิตกระดาษลูกฟูกและเครื่องพิมพ์รวม 7 ตัว เสียหายทั้งหมด ส่วนจุดที่เกิดเหตุอยู่ที่แผนกอัดเศษกระดาษ ซึ่งในช่วงนั้นคนงาน 2-3 คน กำลังช่วยกันอัดกระดาษอยู่ แล้วก็มีไฟลุกไหม้ขึ้นที่กองเศษกระดาษ ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วจนไหม้ไปทั่วบริเวณตัวอาคารโกดัง โดยคนงานที่กำลังทำงานกะกลางคืนประมาณ 100 คน ได้พยายามที่จะช่วยกันดับไฟจนสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็วได้ ทำให้กระดาษและเครื่องจักร อุปกรณ์การทำงาน ตลอดจนตัวอาคาร ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนคนงานสามารถหนีตายออกมาได้โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่ก็มีคนงาน 2 – 3 คน ของโรงงาน ได้รับบาดเจ็บมีแผลที่แขนเนื่องจากผิวหนังถูกไฟลวกจนเป็นแผลพุพอง สำหรับสาเหตุนั้นจะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายยังอยู่ในระหว่างการประเมิน แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท