เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่บริเวณเกาะขาม อ่าวเทพา อ.เทพา จ.สงขลา เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ในการ
“วันนี้ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่แห่งนี้ มีสำนึกในการปกป้องทะเลอย่างเต็มเปี่ยม พวกเราร่วมกันทำปะการังเทียมเพื่อเพิ่มพื้นที่ฟูมฟักสัตว์น้ำวัยอ่อน ใช้อวนตาใหญ่ขึ้น เพื่อจับแต่สัตว์น้ำที่โตเต็มวัย พยายามส่งเสียงให้จำกัดหรือหยุดการทำประมงด้วยเครื่องมือทำลายล้าง รวมทั้งยังพยายามเก็บขยะจากทะเลที่มาเกยริมชายหาด เพื่อไม่ให้ลงไปในทะเลอีก พวกเราพยายามทำการตลาดและขนส่งปลาปูกุ้งหอยหมึกกั้งสดๆจากทะเลไปสู่ผู้บริโภคโดยไม่ต้องใส่สารเคมีใดๆความพยายามเหล่านี้กำลังเติบโต ทะเลกำลังฟื้นตัว ทะเล คือ ธนาคารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ต้องมีใครเลี้ยง ไม่ต้องให้อาหาร ต้อนรับทุกคนที่มีแรงมาลงเรือทำการประมงโดยไม่ต้องมีวุฒิ ขอเพียงแต่ให้มีสำนึกของการอนุรักษ์ ปลา ปู กุ้ง หอย หมึก กั้งสัตว์ทะเลอื่นๆ กำลังค่อยๆเพิ่มจำนวน ทะเลจึงกลายเป็นความหวังไม่เฉพาะของชุมชนชาวประมง แต่รวมถึงของคนทั้งโลก นี่คือทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืน
แต่ท่ามกลางสถานการณ์การฟื้นตัวของทะเล โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ไปจนถึงปลายแหลมตาชี อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กลับมีความเสี่ยงถูกคุกคามอย่างรุนแรง จากโครงการขนาดใหญ่ที่จะทำร้ายไม่เฉพาะทะเล แต่จะทำลายชุมชน ผืนดิน สายน้ำ และอากาศด้วย” นายรุ่งเรือง ด้าน น.ส.สุกัญญา หัดขะเจ เครือข่ายเทใจให้เทพาหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา และ โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 ที่บ้านสวนกง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา คือ โครงการหายนะที่รัฐบาลพยายามผลักดันหากสำเร็จลง ประกอบกับโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย และโรงไฟฟ้าจะนะที่เดินเครื่องไปก่อนแล้ว การตามมาของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย หายนะจะคืบคลานสู่พื้นแผ่นดิน สายน้ำ และทะเลอย่างยากที่กู้กลับคืนมา“การรวมตัวของพี่น้องประมงพื้นบ้านในพื้นที่จะนะ เทพา และปัตตานีในวันนี้ รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ ศิลปิน สื่อมวลชน นักพัฒนาเอกชน นักศึกษา เยาวชน และผู้หวังเห็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในวันนี้ เป็นการยืนยันความจำเป็นที่ต้องการสานพลังความเป็นเครือข่ายที่เหนียวแน่น และร่วมกันปกป้องฐานทรัพยากร ฐานชีวิตของผู้คนให้พ้นจากหายนะ จากการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่สุขสงบและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ขอประกาศว่า เราจะร่วมกันปกป้องทะเลอันอุดม อากาศที่บริสุทธิ์ แผ่นดินที่สมบูรณ์ และวิถีวัฒนธรรมของผู้คนที่สุขสงบแห่งนี้ ให้ปลอดภัยจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 และ โครงการขนาดใหญ่ใดๆที่ชุมชนไม่ต้องการ เราจะสร้างสังคมใหม่ร่วมกัน สังคมที่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาชนมีสิทธิกำหนดอนาคตตนเอง กำหนดทิศทางการพัฒนา เพื่ออนาคตของเรา ลูกหลาน ของพืชและสัตว์นานาชนิด รวมถึงของโลกที่ต้องการความยั่งยืนด้วย” น.ส.สุดัญญา กล่าวขณะที่ นายดอเลาะ อาแว ตัวแทนชุมชนตันหยงเปาว์ เครือข่ายตือโละปาตานี กล่าวว่า “พวกเราผูกพันกับทะเลและผืนดินที่นี่ ถ้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเดินหน้าต่อไป เราอาจสูญเสียทุกอย่าง ทั้งบ้าน วิถีชีวิต และวัฒนธรรม การถูกบังคับให้ย้ายออกจากแผ่นดินเกิดที่ได้มาจากบรรพบุรุษ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ย้ายถิ่นฐานเท่านั้น แต่เป็นการทำลายเอกลักษณ์ของชุมชน”