เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา พ.อ.กมล วิฑิตพันธ์ รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4 ร่วมกับ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ กระจะจ่าง ผกก.สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และนายสวาท หึงษาชู นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ ป.ป.ส.ภาค 8 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ป.ป.ส.ตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดโดยอาศัยอำนาจคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 13/2559 เข้าตรวจสอบภายในบ้านพักแห่งหนึ่งลักษณะเป็นห้องแถว ด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายข้าวแกง อยู่หน้าวัดดอนธูป ต.ลิปะน้อย อ.เกาะสมุย หลังได้รับแจ้งจากสายลับมาว่าที่บ้านหลังดังกล่าวได้ลักลอบจำหน่ายพืชกระท่อม และยาแก้ไอให้กับกลุ่มวัยรุ่น และคนทั่วไป
เมื่อไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าวได้พบกับนางพรรษา แสงประเสริฐ อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านนอนพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมขอตรวจค้น จากการตรวจค้นพบพืชใบกระท่อมที่แบ่งเป็นมัดไว้จำนวนมากบรรจุอยู่ในกระสอบตาข่าย นำหนักรวม 128 กิโลกรัม และยาแก้ไอ จำนวน 150 ขวด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนางพรรษา พร้อมยึดของกลาง ไปทำการสอบปากคำที่ สภ.เกาะสมุย
จากการสอบปากคำนางพรรษา อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาให้การรับว่า พืชกระท่อมและยาแก้ไอทั้งหมดเป็นของตนเองจริง โดยตนเองมีอาชีพแม่ค้าขายข้าวแกง แต่ก็แอบขายพืชกระท่อมและยาแก้ไอควบคู่ไปด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนทั่วไป ก่อนหน้านี้เคยถูกจับในคดีพืชกระท่อมมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ไม่เข็ดหลาบเพราะรายได้ดี ครั้งนี้จึงได้ลงทุนเอาสร้อยคอทองคำ 5 บาทไปขาย พอได้เงินมาก็เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนสั่งซื้อพืชกระท่อมดังกล่าวมาเพื่อแบ่งขายกำละ 100 บาท กับยาแก้ไอขวดละ 100 บาท ถ้าขายได้หมดก็จะได้กำไรเป็นเท่าตัว แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน
“ยอมรับว่าครั้งนี้หมดตัวแล้ว จะเลิกขายแล้ว และจะเข้าวัดไปบวชชีดีกว่า ฝากเตือนคนที่ขายพืชกระท่อมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พอขายได้ก็มีตังค์แต่พอถูกจับเงินก็หมด หันมาทำงานสุจริตดีกว่า” นางพรรษากล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางพรรษา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมียาแผนปัจจุบัน (ยาอันตราย) ไว้เพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
