เจ้าอาวาสวัดดัง ยันไม่รู้เห็น ‘พระพรหมเมธี’ หลบหนี แจงไม่เคยรู้จัก-แค่มีโยมนำรถมาฝากไว้

เจ้าอาวาสวัดดังยัน ไม่รู้เห็นการหลบหนีไปลาว พระพรหมเมธี หลังพบรถตู้ แจงยิบ มีโยมนำมาฝากจอด ไม่เคยรู้จักพระที่หลบหนา ตร.พลิกแผ่นดินหา

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีการติดตามจับกุมตัว พระพรหมเมธี หรือ จำนง เอี่ยมอินททรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ หลังหนีกบดานพื้นที่ จ.นครพนม และพบเบาะแสว่ามีการหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว โดยทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังนำทีมตำรวจกองปราบปราม รวมถึงระดมชุดสืบสวนลงพื้นที่ปักหลักแบบทางลับ และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชน เพื่อเร่งแกะรอยติดตามจับกุม พระพรหมเมธี ซึ่งมีการตรวจสอบพบหลักฐานสำคัญ คือ รถตู้ ต้องสงสัย เป็นรถยนต์ตู้โตโยต้า อัลพาล์ต สีบรอนเงิน ทะเบียน กภ 3 กภ 8672 กทม. ซึ่งจอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม เชื่อว่าเป็นรถของพระพรหมเมธี ที่นำมาซุกซ่อนไว้ก่อนการหลบหนี ข้ามไปยัง สปป.ลาว และทางตำรวจได้มีการตรวจยึดรถไปเก็บรักษารอการตรวจสอบไว้ที่ สภ.เรณูนคร อยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนติดตามบุคคลที่เชื่อมโยงในการช่วยเหลือการหลบหนี

ขณะเดียวกันได้มีรายงานว่า ทางตำรวจได้มีการควบคุมตัวบุคคลที่เชื่อมโยง ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในการช่วยเหลือการหลบหนีไปยัง สปป.ลาว เชื่อว่าส่วนหนึ่งมีชาวลาว เป็นคนช่วยเหลือให้การหลบหนี ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนขยายผล เพื่อหาทางติดตามพระพรหมเมธี มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่มีใครออกมาเปิดเผยความชัดเจนทั้งหมด

Advertisement

ล่าสุดทางด้าน พระอธิการ พรเทพ จักรวโร อายุ 37 ปี พระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ ออกมาเปิดเผยว่า หลังมีข่าวพบรถตู้ที่มาซุกซ่อนในวัดแพร่ออกไป ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าตนช่วยเหลือในการหลบหนี แต่ความจริงตนยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อนกับพระที่หลบหนี ซึ่งเคยไปพบกันที่มีการทำบุญที่วัดในแขวงคำม่วน สปป.ลาว เมื่อปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้สนิทสนม และไม่เคยมาที่วัด แต่ภายหลังรู้จักตามสื่อว่ามีการหลบหนีการจับกุม ซึ่งตนได้ให้การตำรวจ ตามข้อเท็จจริงทุกอย่างก่อนหน้านี้ และอยากให้ญาติโยมเข้าใจในทางที่ถูกต้อง ไม่อยากให้กระทบต่อการพัฒนาวัด และความศรัทธาของญาติโยมที่ตนได้พยายามร่วมกันพัฒนาสร้างวัดมา หลังมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจาก เจ้าอาวาสท่านมรณภาพ ตนในฐานะลูกศิษย์ที่เคยรับใช้จึงมาดูแลพัฒนาต่อ เพราะตนได้อุทิศตนในทางธรรม หลังบวชมาตั้งแต่ ปี ตั้งแต่ปี 2551 รวมกว่า 9 พรรษา

ส่วนที่มาของรถตนยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยวันเกิดเหตุมีญาติโยม นำมาฝากจอดไว้ ซึ่งวันนั้นเป็นวันวิสาขบูชา มีญาติโยม จำนวนมากมาทำบุญ จึงไม่ได้สังเกตว่าเป็นรถใคร และมีใครมาในรถบ้าง เพราะถือว่าเป็นปกติ ที่ญาติโยมมาทำบุญ แต่ยอมรับว่ามีญาติโยมจากลาวที่คุ้นเคยมาทำบุญจริง ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการหลบหนีหรือไม่ จนกระทั่งเย็นวันเดียวกันมีตำรวจมาตรวจสอบที่วัด และพาไปตรวจสอบรถที่นำมาจอดใกล้โรงครัว มารู้ทีหลังจากตำรวจว่าเป็นรถของพระที่หลบหนี ยังตกใจ แต่ได้ให้ความร่วมมือตำรวจทุกเรื่อง โดยไม่ได้กังวลว่าจะถูกดำเนินคดี เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องเลย และพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง และทางตำรวจไม่ได้มีการข่มขู่ แต่รายละเอียดการตรวจสอบรถตนไม่รู้ และมีการตรวจยึดรถไปแล้ว เพียงแต่รู้ว่ารถที่มาจอด มีการถอดป้ายทะเบียน และมีการถอดขั้วแบตเตอรี่ โดยไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ซึ่งในวัดมีวงจรปิดแต่ระบบเสียนานแล้ว และได้มอบให้ตำรวจตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก และไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพระที่หลบหนี และไม่เคยเดินทางมาในวัด ส่วนการพัฒนาวัด ปัจจัยต่างๆ มาจากพลังศรัทธาญาติโยมทั้งหมด ร่วมกับชาวบ้าน จนเป็นวัดที่ที่ชาวบ้านศรัทธา หลังจากนี้ต้องปล่อยให้ทางตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image