เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561 ที่ห้องประชุมรีสอร์ทตาลคู่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช “พรรคประชารัฐ” จัดเวทีสนทนาการเมืองเชิงนโยบาย และทิศทางการขับเคลื่อนลงสู่ฐานรากสังคมและชุมชน พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติสกุล ในฐานะผู้ประสานงานและแกนนำของพรรคประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีผู้นำท้องถิ่นภาคใต้กว่า 30 คนร่วมเวที โดยมีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ที่เคยสังกัดพรรคการเมืองหลายพรรค ทั้งพรรประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคความหวังใหม่ พรรคภูมิใจไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนองค์กร สมาคม ระดับชาติ เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ใช้เวลาการสนทนาการเมืองเชิงนโยบายของพรรคประชารัฐกว่า 3 ชั่วโมง
พ.อ.สุชาติกล่าวว่า พรรคประชารัฐ เป็นพรรคที่เกิดขึ้นใหม่และมีการขับเคลื่อนมานานพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคกลาง ในส่วนของภาคใต้จึงไม่ได้ยินชื่อพรรคแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีอดีตนักการเมืองของภาคใต้คนหนึ่งรับปากว่าจะเป็นคนดูแล แต่ท้ายที่สุดติดปัญหาหลายๆ ประการ กระทั่ง 3 เดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการพรรคจึงมีมติให้มีการขับเคลื่อนพรรคในภาคใต้ โดยตนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสาน และแกนนำของพรรคประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้ หมายถึงดูแลผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งขับเคลื่อนนโยบายของพรรค ภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ คือ มิใช่เป็นพรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้น และพรรคประชารัฐในภาคใต้ต้องบริหารงานในรูปคณะกรรมการบริหารพรรคที่มีเอกภาพ มีวินัยทางการเมือง เพื่อขับเคลื่อนพรรคในเชิงนโยบาย ที่สามารถแก้ปัญหาของประชาชนถึงระดับฐานราก และให้มีการปฏิรูปการเมือง สังคมประทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมเร่งด่วนในระยะ 5 ปี
“การขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มต้นที่สร้างบรรยากาศทางการเมือง ทางสังคมใหม่ หาคนรุ่นใหม่เป็นตัวแทนของพรรค ที่มีความสามารถขับเคลื่อนการเมืองอย่างต่อเนื่องได้ นครศรีธรรมราชถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เป้าหมายหลักของพรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้นจำเป็นต้องมี คณะผู้ประสานงานพรรค และแกนนำจังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนครศรีธรรมราช เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีพรรคการเมืองใหม่หลายพรรคออกมาเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยจัดเวทีสนทนา กลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ เพื่อหารือปัญหาบ้านเมือง พร้อมทั้งส่งแมวมองออกมาหยั่งเชิงหาคนเก่ง มีความรู้เป็นที่เคารพและศรัทธาของคนนครศรีธรรมราช รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้า ทำให้บรรยากาศในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มีความคึกคักด้านการเมืองขึ้นอีกครั้ง
