อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ขอเลื่อนให้ปากคำคดีเงินสหกรณ์ตำรวจ

กรณีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรวมหนี้ข้าราชการตำรวจ 193 ราย ซึ่งเป็นสมาชิกออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ริเริ่มโครงการบริหารหนี้ ที่รับปากจะเป็นผู้ดำเนินการใช้หนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ แต่ระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจกลับถูกทวงถามหนี้จากสถาบันการเงิน จึงทราบว่าเงินที่กู้มาได้ถูกนำไปลงทุน ไม่ได้นำไปใช้หนี้นั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิ์เดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยความคืบหน้าในการลงพื้นที่สอบปากคำตำรวจที่ได้รับความเสียหายว่า ล่าสุด พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ขอเลื่อนวันเข้าให้ปากคำออกไปเป็นวันที่ 6 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00 น. ซึ่งอดีต ผบก.ภ.จว.เลย จะมาหรือไม่ ต้องได้ข้อสรุป เนื่องจากเป็นคดีอาญาและมีความผิดทางวินัยร้ายแรง

“วันนี้ พล.ต.ต.สุทิพย์ขอเลื่อน บอกว่าติดราชการไม่สามารถมาได้ ขอเป็นวันพุธตอนบ่ายโมง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ เป็นเรื่องของความเดือดร้อนของตำรวจชั้นผู้น้อย ซึ่งผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับ ผบ.ตร. ผู้บัญชาการภาค 4 ก็ห่วงใย จึงแต่งตั้งผมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตอนนี้ผมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งเหลือสอบอดีตผู้การปากเดียว ถ้าวันพุธไม่มา ผมก็จะสรุปเลย หากไม่มาผมก็จะสรุปวันพุธจบ เรียนให้ทราบว่าต้องจบภายในวันพุธ” พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าว และว่า จากการตรวจสอบพบว่าข้าราชการตำรวจได้มีการกู้ยืมเงินสหกรณ์แล้วได้นำเงินไปลงทุนกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ มีหลักฐานตำรวจได้รับความเสียหายทั้งหมด 193 คน ยอดเงินรวมโดยประมาณ 229 ล้านบาท เรื่องความผิดที่เกี่ยวข้องจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา และเป็นความผิดทางวินัยด้วย ส่วนด้านความผิดทางวินัย ขณะนี้ พล.ต.ต.สุทิพย์ได้ย้ายไปอยู่นอกสังกัดภาค 4 ไปอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก็ต้องเสนอ ตร.ให้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาข้อบกพร่อง

พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนที่เป็นเรื่องของวินัย ส่วนคดีอาญาซึ่งเป็นคดีล่อแหลม พิจารณาได้ตั้งแต่เรื่องของการฉ้อโกงประชาชน และเป็นเรื่องของการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เข้าลักษณะเหมือนแชร์ลูกโซ่ ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 มาตรา 5 ส่วนเรื่องคดีอาญานั้นตอนนี้เราพิจารณาแล้วว่ากันมีความผิด ต้องดำเนินการ

Advertisement

“ข้อเท็จจริงในเรื่องที่ผมตรวจสอบและผมสรุปเสนอต่อผู้บัญชาการ ถ้าเป็นคดีอาญาผมจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีเลย ซึ่งถ้าหากวันพุธ อดีตผู้การไม่มา ผมก็รับคำร้องทุกข์ก็มีผู้เสียหายมาแจ้ง ตำรวจที่เสียหายมาร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีพบก็ต้องรับคดีแล้วก็ต้องสอบสวน ซึ่งความผิดอาญาเป็นความผิดสำเร็จ ยอมความไม่ได้ ถ้าเอาเงินมาคืน ตำรวจก็ไม่เดือดร้อน แต่เนื่องจากว่าเงินมันเยอะมาก ไม่แน่ใจว่าจะมาคืนได้ครบหรือไม่ ซึ่งเครือข่ายที่ท่านผู้การเอาเงินตรงนี้ไปลงทุน ต้องติดตาม เพราะเส้นทางการเงินจะไปทางไหน ตอนนี้เรายังไม่ได้สืบสวน คือถ้ามีเงินมาคืนตำรวจในเบื้องต้นที่ว่าจะเอามาคืนได้ แค่มาผ่อนช่วงแรก ซึ่งใช้เงินแค่ไม่กี่ล้านบาท แล้วต่อไปจะทำยังไง ก็จะเกี่ยวข้องยาวไปเรื่อยยังไม่จบ ผมว่ามันเป็นปัญหา ผมคิดว่าท่านผู้การคงไปร่วมกับพรรคพวกที่เป็นคนนอก ซึ่งเป็นการลงทุน เป็นลักษณะว่าเป็นช่วงเอาเงินตรงนี้ไปอุดช่วงแรกมาเดือดร้อนกันช่วงหลัง และหากนำเงินมาคืนเล็กน้อยมาผ่อนคลายแค่ช่วงแรกก็ถือว่าการแก้ปัญหายังไม่จบ ต้องใช้เงินทั้งหมดเป็น 200 ล้านบาท” พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าว และว่า ขณะนี้ผู้ร่วมขบวนการมีใครบ้างทราบชื่อแล้ว และต้องตามต้นตอให้ได้ว่าเอาเงินไปทำอะไร ซึ่งการตรวจสอบเส้นทางการเงินจะดำเนินการขั้นต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image