ชาวบ้านอ่อนใจ ทำไม รบ.ยังให้ใช้ ‘สารเคมีเกษตร’ วอน ‘บิ๊กตู่’ ทบทวน

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ว่า ขณะที่หลายองค์กรทางสังคมพากันประท้วงรัฐบาลในการอนุญาตให้ใช้เคมีเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะ “พาราควอต” และ “คลอร์ไพริฟอส” อีกทั้งมีผู้เข้าชื่อสนับสนุนการ “แบน” สารพิษร้ายแรงมากถึง 50,000 ราย

ขณะที่บริเวณจังหวัดน่านและแพร่ พื้นที่เกษตรบนที่สูง บนภูเขาสลับซับซ้อนยังคงใช้สารเคมีจำพวกพาราควอตอย่างรุนแรง เพื่อปรับวัชพืชก่อนทำการเกษตรเชิงเดี่ยว โดยสารเคมีดังกล่าวได้ขยายผลลงสู่การฉีดพ่นในพื้นที่เกษตรกรรมในที่ลุ่ม นาข้าว และชุมชนอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย เนื่องจากชาวบ้านไม่ทราบว่าสารเคมีเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสารพิษตกค้างที่เป็นอันตรายกับทารกในครรภ์มารดา

นายวิฑูรย์ สุรจิตต์ แกนนำกลุ่มเกษตรอินทรีย์ใน ต.สบสาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ กล่าวว่า สารพิษทางการเกษตรในจังหวัดแพร่ มีการฉีดพ่นไปทั่ว แม้บริเวณบ้านของเกษตรกรเอง เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การมีกลุ่มมวลชนทั่วประเทศกว่า 700 กลุ่มออกมาประท้วงต่อรัฐบาล ถือว่าประสบความสำเร็จที่ได้ออกมาแสดงตัวตน ให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักกับอาหารที่จะเข้าปากตนเอง วันนี้เกษตรกรที่เห็นพิษภัยทุกจังหวัดต้องการเรียกร้องนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทบทวนมติคณะกรรมการอนุญาตให้ใช้สารพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกรโฟเสต เป็นการทบทวนมติผ่านกระทรวงสาธารณสุขที่นายแพทย์ผู้รับผิดชอบการตรวจสุขภาพประชาชนเห็นปัญหาแล้ว แต่ทำไมรัฐบาลยังอนุญาตให้มีการใช้สารเคมีเกษตรอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการฉีดพ่นยาเคมีเพื่อการฆ่าวัชพืชและฆ่าแมลงยังคงแพร่หลายออกไปทุกพื้นที่โดยเฉพาะการเกษตรช่วงฤดูฝน แม้แต่บนภูเขา ผู้นำหมู่บ้านไม่สามารถใช้มาตรการทางสังคมเพื่อห้ามใช้สารเคมีในการเกษตรได้ ด้วยปัญหาปากท้องและการเพิ่มปริมาณของการผลิตพืชเชิงเดี่ยว เพื่อให้มีรายได้เพียงพอในการเลี้ยงชีพ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image