วันที่ 22 มกราคม ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต รศ.ภูวดล บุตรรัตน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับฝ่ายบริหาร คณบดี และฝ่ายกิจการนักศึกษา เพื่อร่วมหาแนวทางช่วยเหลือ พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลก่อนเสนอต่อรองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
การประชุมครั้งนี้มีขึ้นสืบเนื่องจากกรณีที่ รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากราคายางที่ตกต่ำ โดยให้ทำการสำรวจนักศึกษาจากทุกคณะใน 5 วิทยาเขต คือ วิทยาเขตหาดใหญ่ ปัตตานี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และวิทยาเขตตรัง ที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคายางพารา ซึ่งมีทั้งมาจากครอบครัวที่เป็นเจ้าของสวนยาง ลูกจ้าง ผู้รับซื้อยาง และทำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพารา โดยให้นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคายางพาราปีการศึกษา 2558 มากรอกแบบฟอร์มที่งานกิจการนักศึกษา ภายในวันที่ 25 มกราคม 2559
รศ.ภูวดลเปิดเผยว่า หลังเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ได้มีนักศึกษามาแจ้งขอผ่อนผันค่าธรรมเนียมการศึกษารวมทั้งหมด 306 คน คิดเป็น 10.96 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนนักศึกษาทั้งหมดของมหาลัยฯ 2,791 คน ในจำนวนนักศึกษาที่ขอผ่อนผันค่าธรรมเนียมการศึกษาทั้งหมด 306 คนนั้น พบว่ามีนักศึกษาที่แจ้งเหตุผลว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคายางพาราปีการศึกษา 2558 จำนวน 23 ราย ซึ่งคิดเป็น 0.82 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด และอาจมีเพิ่มขึ้นอีกเมื่อครบกำหนดในวันที่ 25 ม.ค.ตามที่มีประกาศ โดยในการประชุมวันนี้นอกจากจะเป็นการรวบรวมข้อมูลแล้วยังหาแนวทางช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบในทุกด้าน คือ ทั้งผู้ที่ระทบจากวิกฤตยางพาราและอาชีพอื่นๆ ที่มีการขอผ่อนผัน รวมถึงบางรายที่ได้รับผลกระทบแต่ได้มีการจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาไปแล้ว ซึ่งผู้ปกครองอาจมีการหยิบยืมมาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งก็จะทำการสำรวจด้วยเพื่อช่วยเหลือ
รศ.ภูวดลกล่าวว่า โดยเบื้องต้นนักศึกษาจะได้สิทธิ์ในการผ่อนผันค่าธรรมเนียมตามระยะเวลา 1 เดือนอยู่แล้ว และรอเข้าหารือที่ประชุมใหญ่ของทุกวิทยาเขตในเร็วๆ นี้ว่าจะมีแนวทางอย่างไร ส่วนในระดับวิทยาเขตของภูเก็ต นั้นเห็นพ้องกันในที่ประชุม ว่าจะหาแนวทางให้นักศึกษามีการช่วยเหลือตัวเองหารายได้จากงานเสริม โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นตัวกลาง ซึ่งอาจจะเริ่มจากการสำรวจแต่ละคณะว่ามีงานหรือกิจกรรมใดที่จะส่งเสริมเป็นรายได้ให้นักศึกษาเช่นงานวิจัย การเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เป็นรายได้ อีกแนวทางคือ จะมีการติดต่อศิษย์เก่ามอ.ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจสถานประกอบการต่างๆ เพื่อดูว่าพอจะมีการรับรุ่นน้องเข้าไปทำงานพาร์ทไทม์ได้บ้างหรือไม่
นอกจากนี้ รศ.ภูวดล กล่าวว่า และแนวทางสุดท้าย คือตั้งทีมติดต่อพูดคุยกับบริษัท องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในภูเก็ตว่าจะมีโครงการใดๆ ที่สามารถทำร่วมกัน เช่นโครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ ที่นักศึกษาจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วม เช่นโครงการที่ต้องใช้ความสามารถด้านภาษา เช่น ภาษาจีน อังกฤษ และอื่นๆ ซึ่งนักศึกษาของเรามีความสามารถ หากสามารถเข้าไปช่วยเหลือหลังเลิกเรียน มีรายได้เสริมก็จะดีมาก