สมาคมต้านโลกร้อนชี้เป็นสัญญาณดี รัฐสั่งเลิกตัดอุโมงค์ต้นไม้ เตรียมตั้งกองทุนซื้อคืนจากเอกชน

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวถึงกรณีที่ รมว.คมนาคม สั่งยกเลิกตัดต้นไม้บริเวณอุโมงค์ต้นไม้ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมให้มีการออกแบบใหม่ว่ารู้สึกยินดีและถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ทำให้สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกับการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าทางผู้บริหารระดับสูงให้ความสนใจตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ต่อเวทีสหประชาชาติที่ประเทศฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสัญณาณออกมาแบบนี้ออกมาแล้วก็ต้องรอให้หลายฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งก็คือกรมทางหลวงโดยสำนักงานทางหลวงที่ 6 และแขวงการทางเพชรบูรณ์ที่ 1 ว่าจะตอบสนองนโยบายของ รมว.คมนาคม อย่างไร
“สมาคมพร้อมจะดำเนินการตามข้อที่เสนอไปโดยการขอคืนต้นไม้เหล่านี้กลับมา แต่โดยขั้นตอนวิธีการของระบบราชการก็เข้าใจดีว่ามีขั้นตอนเรื่องเดินเอกสารและหาข้อยุติ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ประมูลงานไปแล้วด้วย ในขณะที่ผู้รับเหมาก็ส่งสัญญาณที่ดีมาเช่นกันว่าพร้อมที่จะคืนต้นไม้ที่ประมูลไป เพื่อกลับมาเป็นประโยชน์สาธารณะให้กับคนเพชรบูรณ์และคนไทยทั้งชาติ และต้องขอชื่นชม รมว.คมนาคม ที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้” นายศรีสุวรรณกล่าว

นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยังกล่าวถึงการระดมเงินเพื่อจะซื้อคืนต้นไม้อีกว่า คงต้องให้ชัดเจนก่อนโดยเฉพาะกรมทางหลวงในฐานะเจ้าของพื้นที่ หากได้ข้อยุติชัดเจนทางสมาคมก็อาจจะจัดตั้งกองทุนรักษาอุโมงค์ต้นไม้ในพื้นที่ถนนหมายเลข 12 แห่งนี้ โดยจะร่วมกับประชาชนทั้งประเทศรวมทั้งบริษัทห้างร้านเอกชนที่มีจิตอนุรักษ์ ตรงนี้คงไม่ใช่เรื่องยากและขณะนี้ก็มีประชาชนจำนวนมากที่ติดต่อมา เพื่อจะร่วมบริจาคซื้อคืนต้นไม้เหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่าเงินก้อนนี้จะระดมได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วเพื่อคืนเงิน 1,245,000 บาท ให้แก่เอกชนผู้ประมูลงานรายนี้ได้

“อยากให้เรื่องนี้เป็นต้นแบบหรือโมเดลที่กระทรวงคมนาคมและกรมทางหลวง ต้องการขยายถนนเพิ่มเติมเพราะอย่าลืมว่าต้นไม้สองข้างทางถนนหลวงยังมีอีกเยอะและทั่วประเทศ หากใช้โมเดลโดยขยายถนนแบบไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ นอกจากจะได้รับเสียงชื่นชมแล้วยังจะทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น ที่สำคัญจะเป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้ว่ากรมทางหลวงยุคใหม่ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลต้นไม้สองข้างทาง และยังจะมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ให้ต้นไม้เหล่านี้ได้ใช้ประโยชน์กับประชาชนที่สัญจรไปมาบนถนนหลวงได้ตลอดไปอย่างยั่งยืน” นายศรีสุวรรณกล่าวย้ำ