แรงงานไทยหนีภัยสงครามลิเบีย ร้องเดือดร้อนหนี้สินไร้ผู้เหลียวแล

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม มีแรงงานไทยที่ประสบภัยสงครามจากประเทศลิเบียกว่า 100 คน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือต่อนายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม โดยมีนายไชยวุฒิ วัชเนทร์สุนทร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ รองผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม พร้อมตัวแทนจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนม แรงงานจังหวัดนครพนมรับหนังสือดังกล่าว

นายพิสิษฐ์ หรือมานะ พึ่งกล่อม อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 54 หมู่ 13 บ้านเอราวัณ ต.ผาอินแปลง อ.เอราวัณ จ.เลย ซี่งเป็นแกนนำกลุ่มแรงงานไทยเผยว่า มีคนงานที่ไปทำงานประเทศลิเบียและตัวแทนของผู้ใช้แรงงาน เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม เพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการ โดยกล่าวว่าปลายปี 2553 เกิดสงครามภายในประเทศลิเบีย คนงานไทยกลุ่มดังกล่าวต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาการว่าจ้าง แต่ละคนเสียค่าคอมมิสชั่นตั้งแต่ 120,000-180,000 บาท ผ่านบริษัทจัดหางานอย่างถูกต้อง เมื่อเกิดภัยสงครามก็กลับมาถึงเมืองไทยช่วงต้นปี 2554 และได้รับเงินช่วยเหลือจากกรมการจัดหางานเพียง 15,000 บาท โดยบริษัทจัดหางานที่จัดส่งไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลือแม้แต่บาทเดียว ซึ่งแรงงานไทยแต่ละคนต้องกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่าคอมมิสชั่น ถึงวันนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี ยังไม่มีหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามหรือช่วยเหลือเยียวยา สอบถามไปก็บอกให้รอก่อน จึงรวมตัวกันมายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

นางสงกรานต์ อินทโน อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 256 หมู่ 14 บ้านม่วง ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี เผยว่า ตนเป็นภรรยาของนายคำแพ่ง ซึ่งเป็นแรงงานไทยไปทำงานประเทศลิเบียได้เพียง 2 เดือน ก็เกิดสงครามจึงกลับก่อนกำหนด และต้องทำงานใช้หนี้ที่ยืมไป ตนมาเป็นตัวแทนสามีเพราะนายคำแพ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 59 ด้านนางพวงพิกุล สุพร อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 175 หมู่ 4 บ้านเหล่าทุ่ง ต.สีชมพู อ.นาแก จ.นครพนม ภรรยาของนายผง สุพร ที่เสียค่าคอมมิสชั่นให้นายหน้าที่เปิดบริษัทจัดหางานในจังหวัดนครพนม แถวตลาดโต้รุ่ง เป็นเงิน 180,000 บาท หลังเดินทางกลับก็ไม่เคยช่วยเหลือแต่ประการใด ติดตามสอบถามก็โยนไปให้บริษัทที่กรุงเทพฯ ตนได้มาเป็นตัวแทนสามีเพราะนายผงเสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน

นายนิกร แสนสุวรรณ อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 13 บ้านค้อน้อยทรายงาม ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นคนไทยที่ไปขายแรงงานในประเทศลิเบียกล่าวว่า ไปทำงานในตำแหน่งช่างไม้ ช่างปูน ย่านเบงกาซี เมืองใหญ่อันดับสองของลิเบีย ต่อมาเกิดสงครามมีคนลิเบียเข้ามาปล้นเอาเสบียงในแคมป์ ก่อนจะจุดไฟเผาที่พัก พวกตนกว่าร้อยชีวิตหนีตายออกได้เฉพาะเสื้อผ้าติดตัว โดยเดินข้ามทะเลทรายไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจท้องถิ่น ส่งตัวกลับทางเรือมาขึ้นบกที่ท่าเรือคลองเตย ใช้เวลาเดินทาง 15 วัน มีเจ้าหน้าที่แรงงานมารับไปกระทรวงแรงงาน และได้เงินช่วยเหลือเพียง 15,000 บาทเท่านั้น เกือบสิบปีพวกคนงานไทยต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ยืมไปเป็นค่าคอมมิสชั่น โดยปราศจากผู้เหลียวแล จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image