เมื่อเวลา14.00น. วันที่ 11 มิถุนายน ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ประธานการประชุม มส.ที่16/2561 ประจำวันที่ 11 มิถุนายน โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร , สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศ์ ,สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม , สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม , สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาส,พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา , พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ , พระพรหมมุนี เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ , พระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาส , พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์วรวิหาร , พระพรหมโมลี วัดปากน้ำภาษีเจริญ , พระธรรมธัชมุนี วัดปทุมวนาราม , พระธรรมบัณฑิต วัดพระราม ๙ , พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ พ.ต.ท.พงษ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ฝ่ายเลขาฯเข้าร่วมประชุม ยกเว้นสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม
ต่อมา นายณรงค์ ทรงอารมณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกันแถลงวาระการประชุมมส.ที่16/2561
โดยนายณรงค์ กล่าวว่า กรณีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีบันทึกข้อความที่ พศ.0001/06036 ลงวันที่8 มิถุนายน2561 เรื่องขอข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัดโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อขอทราบ แนวทางปฏิบัติได้จริง หลักการ คือ ภิกษุสงฆ์มาถือเงิน แต่ผ่านบัญชีส่วนกลางเพื่อให้วัดที่ยังไม่ได้ดำเนินการนำไปพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับวัดนั้น และปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยต่อไป
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องการหาวัดตัวอย่างที่พระไม่จับเงิน ซึ่งเป็นไปตามพระวินัยปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้อย่างชัดเจนไม่ให้พระภิกษุรับ ใช้ให้คนอื่นรับ หรือ แม้กระทั่งยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้ให้ต้น นอกจากนี้ยังรวมถึงอะไรก็ตามที่มีค่าในการแลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ได้ เช่น ธนบัตร เหรียญ เช็ค บัตรกดเงินสด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต การรับเงินทอง จึงเป็นการผิดพระวินัย และเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่พระภิกษุที่รับ ไม่ว่าจะโดยเหตุผลใดๆ เช่น การรับเพื่อตัว หรือ เพื่อสงฆ์ก็ตาม นี่คือวัตถุประสงค์ที่ออกหนังสือไป ไม่มีเจตนาอื่นๆตามที่สื่อหรือเว็ปไซด์ จะเป็นสื่อหรือเป็นผู้ใดก็มิทราบ เรียนให้ทราบตรงนี้ว่าต้องการหาวัดตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องการบังคับ ถ้าจังหวัดใดมีวัดตัวอย่างลักษณะแบบนี้ก็รายงานเข้ามา ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เราต้องการให้วัดต่างๆเอาไปเป็นตัวอย่าง จะให้การบริหารจัดการในวัดมีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง มิได้อ้างพระธรรมวินัย เพียงแต่สื่อให้ถึงว่า พระธรรมวินัยว่าไว้อย่างนี้ อ่านตามแถลง อ่านให้เข้าใจ และไม่ขอตอบข้อซักถามสื่อมวลชน
