เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มอบนโยบายติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เพื่อติดตามรับทราบปัญหาและตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดเหตุพระพรหมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดที่มีการหลบหนีผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนมไปยัง สปป.ลาว และเดินทางต่อไปยังประเทศเยอรมนี
โดยในการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ พล.ต.ต.กิตติกรไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และไม่ขอเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ระบุเพียงว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน
ทั้งนี้ ได้มีการกำชับเพิ่มความเข้มงวดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าออกตามแนวชายแดนทุกจุด ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม รวมถึงด่านชายแดนพื้นที่ภาคอีสาน รวม 9 จังหวัด ประกอบด้วย หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครพนม สุรินทร์ เลย บึงกาฬ และอำนาจเจริญ โดยให้มีการตรวจสอบคัดกรองเอกสารทุกขั้นตอน และมีการยืนยันตัวบุคคลทุกรายก่อนเดินทางเข้าออกตามด่านชายแดน รวมถึงรถยนต์ที่เดินทางมาเป็นคณะ จะต้องมีการตรวจสอบตามขั้นตอน เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีของบุคคลต้องห้าม หรือผู้ต้องหาตามหมายจับ ไปจนถึงป้องกันปราบปรามการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกประเภท รวมถึงยาเสพติด และให้มีการประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ประเทศเพื่อนบ้านให้มีการตรวจสอบเข้มงวด รวมไปถึงพาหนะรถยนต์ต่างๆ ที่เดินทางข้ามไปมา พร้อมคาดโทษหากบกพร่องต่อหน้าที่จะมีการเอาผิดทางวินัยขั้นร้ายแรง
