ที่จังหวัดตรัง วันที่ 15 มิถุนายน จากเหตุคนร้ายก่อเหตุฆาตกรรมฆ่าทุบหัวและรัดคอ น.ส.ลัดดา จินดาแก้ว อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ภายในห้องน้ำโรงเรียนบ้านหนองคล้า หมู่ที่ 7 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ ขณะพาลูกชายวัย 7 ขวบ ไปเล่นฟุตบอลที่สนามหญ้าของโรงเรียน ระหว่างรอลูก น.ส.ลัดดา เดินไปเข้าห้องน้ำหลังโรงเรียน และถูกคนร้ายก่อเหตุทุบศีรษะและรัดคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 ต่อมาพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน ดำเนินคดีนายวินิจ อัครสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคล้า ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งฟ้องพนักงานอัยการ เมื่อต้นเดือนกันยายน 2560 แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า กระทั่งญาติของผู้ตายออกมาเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีดังกล่าว เนื่องจากระยะเวลาเนิ่นนานมาเกือบ 1 ปี
ล่าสุด นายจำลอง จินดาแก้ว อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 หมู่ที่ 21 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง พ่อผู้ตายกล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าทางตำรวจสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าทางอัยการจังหวัดจะพิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่อย่างไร เพราะในส่วนของทางครอบครัวก็ได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการพิจารณาของอัยการจังหวัดตรัง หลังเกิดเหตุทางครอบครัวได้รับเงินเยียวยามาจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด จำนวน 130,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับหลานชาย (บุตรชายผู้ตาย) ซึ่งขณะนี้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยหลานชายจะสามารถเบิกเงินดังกล่าวได้จะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ และจากคู่กรณีอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องติดตามต่อไปว่าทางอัยการจังหวัดจะพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่อย่างไร
พ.ต.ท.ชาติชาย วงศ์ปัญญา สารวัตรสอบสวน สภ.เขาวิเศษ เจ้าของคดี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ทางตำรวจได้สรุปสำนวนคดีแล้วเสร็จส่งให้อัยการจังหวัดตรังไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 โดยในชั้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าสั่งฟ้อง ล่าสุด ทราบว่าทางอัยการจังหวัดตรังได้ส่งสำนวนสอบสวนต่อไปให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พิจารณาความเห็น เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญ และอยู่ในความสนใจของประชาชน แต่ส่วนตัวไม่ทราบว่าทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ส่งความเห็นกลับมาที่อัยการจังหวัดหรือยัง ซึ่งหากทางอัยการจังหวัดพิจารณาสั่งฟ้อง ทางตำรวจก็มีหน้าที่จะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาลด้วย
นายจรินทร์ รักษ์นุ้ย รอง ผอ.สพป.ตรัง เขต 2 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางเขตพื้นที่การศึกษา ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงก็ได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีคำสั่งให้นายวินิจมาประจำที่สำนักงานเขตพื้นที่ หลังจากนั้นก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด คณะกรรมการก็ได้ลงพื้นที่ไปที่ สภ.เขาวิเศษ และที่โรงเรียน จนได้ข้อสรุปหรือมีมติว่าจะต้องรอผลทางคดี เนื่องจากเป็นคดีอาญา การที่จะเอาผิดทางวินัยยังไม่ได้ ต้องรอผลคดีจากทางตำรวจ โดยทางเขตพื้นที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็ได้ทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าของคดีไปยัง สภ.เขาวิเศษ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายทาง สภ.เขาวิเศษ ได้ตอบมาว่าได้ส่งสำนวนไปให้อัยการแล้ว ก็ต้องรอผลทางอัยการและศาลต่อไป แต่ในที่นี้ไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเป็นการเฉพาะ เกี่ยวกับพฤติกรรมชู้สาวตามกระแสข่าวหรือชนวนการก่อเหตุตามที่ถูกออกหมายจับของนายวินิจแต่อย่างใด เพราะประเด็นหลักคือ คดีอาญา ต้องรอผลทางคดีจากทางตำรวจและศาลก่อน ตอนนี้ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งสาเหตุอีกประการหนึ่งคือ ทางสำนักงานเขตพื้นที่ไม่มีฝ่ายนิติกร ทั้งนี้ นายวินิจยังประจำอยู่ที่สำนักงานเขตพื้นที่ตามคำสั่ง ซึ่งระเบียบกำหนดไว้ว่าครั้งละไม่เกิน 6 เดือน เป็นจำนวน 2 ครั้ง ขณะนี้ยังไม่ครบกำหนด 2 ครั้ง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางนายวินิจพยายามวิ่งเต้น เพื่อที่จะให้หลุดรอดจากคดีนี้ ส่วนตัวไม่ทราบ
ขณะที่นายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รักษาการศึกษาธิการจังหวัดตรัง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งเป็นอำนาจตามกฎหมาย จนถึงขณะนี้ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรังยังไม่ได้รับรายงานผลการตั้งกรรมการสอบสวนดังกล่าว ทั้งนี้ ทางสำนักงานเขตพื้นที่การการศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ไม่จำเป็นต้องรายงานมาให้ทราบ เพราะเป็นอำนาจสิทธิขาดของ ผอ.เขต แต่จะรายงานมาให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดได้รับทราบก็ต่อเมื่อ หากผลการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่า นายวินิจมีความผิดจริง จึงจะรายงานมาให้ทราบ เพื่อให้ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อเอาผิดทางวินัยต่อไป แต่ขณะนี้การสอบสวนข้อเท็จจริงยังอยู่กับสำนักงานเขตพื้นที่ฯ
