
⦁…สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รับสั่งถึงพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า “พสกนิกรเป็นแขกของพระองค์ ต้องทำให้ได้รับความสะดวกสบายที่สุด ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”
⦁…น้ำจิตน้ำใจของพี่น้องชาวไทย ยังหลั่งไหลเป็นธารใหญ่สู่รอบ “พระบรมมหาราชวัง และท้องสนามหลวง” ตระเตรียม “ข้าวปลาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ หยูกยา และการบริการทุกอย่าง” เผื่อแผ่ต่อเพื่อนร่วม “ใต้ร่มพระบารมี” ไม่ต้องมีใครบอก ไม่ต้องมีใครร้องขอ “คนไทยแสดงความรักกันและกัน” ถวายต่อพระองค์ท่าน ต่าง “ปวารณาที่จะตั้งจิตเมตตาอย่างกว้างขวาง ไม่ติดข้องกับข้อจำกัดใดๆ ต่อเพื่อนร่วมชาติ”
⦁…เรื่องราวการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะชัดเจนว่า “ให้ไปชี้แจงกันในศาล อย่ามาชี้แจงในสื่อ” ในฐานะ “ผู้นำรัฐบาล” เมื่อส่งเรื่องขึ้นสู่ศาลถือว่าหมดหน้าที่ หากแต่ “วิญญูชน” ทั้งหลาย อดวิเคราะห์ต่อไม่ได้ ว่า “ทำไมคณะผู้เสียหายถึงยังเลือกให้น้ำหนักกับการชี้แจงในสื่ออย่างเข้มข้น แม้จะรอบคอบอย่างยิ่งในการชี้แจงในศาล” ทำไม!
⦁…ย้ำอีกครั้งจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า ผมกับนายกรัฐมนตรีไม่คิดเล่นการเมือง หลังข่าวกระฉ่อนว่า อยู่เบื้องหลังการตั้ง “พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย” ทว่าเรื่องราวอยู่ที่ “นักวิเคราะห์การเมือง” ล้วนสรุปไปในทางเดียวกันว่า “หลังเลือกตั้งแนวโน้มพรรคการเมืองที่อิงทหารจะเสวยวาสนาเข้ามามีอำนาจในรัฐบาล” จึงไม่แปลกใจว่าทั้งที่นั่งยันนอนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีความพยายามจะปล่อยข่าวมาโยง “บูรพาพยัคฆ์” ไม่หยุดหย่อน
⦁…กระเส็นกระสายจาก “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งหัวโต๊ะว่า “พ.ร.บ.พรรคการเมือง” ที่กำลังร่าง จะยุบยิบด้วยข้อห้ามสารพัด “พรรคการเมืองจะถูกยุบหากมีนโยบายต่อต้านระบอบการปกครอง หรือใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญ” ซึ่งน่าจะหมายความว่า “พรรคที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญไม่มีทางอยู่ต่อได้” อาจจะเลยไปถึง “ไม่ว่าพรรคไหนก็ตามที่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญมีสิทธิถูกตีความให้ยุบทิ้ง”
⦁…ยังมี “ห้ามคนภายนอกบงการพรรค และหากผู้บริหารพรรคทำตามการบงการจะถือว่ามีความผิด” และโทษอาจจะ “ถูกตัดสิทธิทางการเมือง” ทำให้เกิดการตีความว่า “นักการเมืองถูกล้อมกรอบให้คิดให้ทำกันภายในพรรคเท่านั้น” จะเที่ยวไปฟังใครมากำหนดเป็นแนวทางของพรรคมีโอกาสถึงตาย ที่สุดแล้ว “พรรคการเมืองถูกทำให้เป็นองค์กรคับแคบ” เพราะถูกบังคับให้ “ปิดหู ปิดตา” รับฟังใครไม่ได้ ไม่ว่าจะ “ประชาชน” หรือ “นักวิชาการ” ประเทศที่ “อำนาจการตีความมอบไว้ให้คนคณะใดคณะหนึ่ง” การจะชี้ว่า
“ถูกบงการหรือไม่” เป็นเรื่องคาดเดาได้ยากยิ่ง
⦁…บทบาทชัดเจนว่าเป็น “ข้าราชการผู้ดูแลทุกข์ประชาชนอย่างเข้าถึงที่สุด” คณะรัฐมนตรีวันก่อนมีมติให้ตั้ง “ศูนย์ดำรงธรรมทุกอำเภอ” ขณะเดียวกันผ่าน “งบเพิ่มศักยภาพหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 250,000 บาท” ให้ “กรมการปกครอง” เป็นแม่งานกระจายเงินลง “74,555 หมู่บ้าน” ทั่วประเทศ ในช่วง “พ.ย.59-ม.ค.60” ชัดเจนว่า “กระทรวงมหาดไทย” ที่ก่อนหน้านั้นถูกทอนอำนาจไปเยอะ กลับมามีอำนาจเต็มอีกรอบ
⦁…ยืนยันจากทั้ง “โฆษกไก่อู-พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” และ “โฆษกกระทรวงการคลัง-กุลยา ตันติเตมิท” ว่า “ดัชนี้ชี้เศรษฐกิจไทยทุกตัวดีหมด” เป็นคนละเรื่องกับที่ “นักเศรษฐศาสตร์บางคน” หยิบขึ้นมาติงรัฐบาล อย่างไรก็ตาม “ใครพูดจริง ใครปั้นเรื่อง” ประชาชนทั่วไปสามารถรับรู้ได้จาก “เศรษฐกิจในกระเป๋าสตางค์ตัวเอง”
ชโลทร