⦁…ทิศทางการเมืองไทย นับวันยิ่งชัดเจนว่ามุ่งสู่ “รวมศูนย์อำนาจ” แทน “กระจายอำนาจ” เหมือนที่เคยเป็นมา เริ่มจาก “รัฐธรรมนูญ” ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ผ่าน “ประชามติ” ให้อย่างท่วมท้น ในทิศทาง “ให้สัดส่วนนักการเมืองจากการแต่งตั้งเพิ่มขึ้น” ขณะบั่นทอน “อำนาจนักการเมืองจากการเลือกตั้ง” ลง พร้อมติดตั้งระบบตรวจสอบเข้มข้น ระดับที่ “ใครจะลงเล่นการเมืองต้องชั่งใจกันหนักหน่วง”
⦁…ตามด้วย “การปกครองส่วนท้องถิ่น” ที่แว่วมาแล้วว่าทิศทางจะ “เลือกตั้งเฉพาะคณะผู้บริหาร” ส่วน “สภาท้องถิ่น” ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ และออกกฎเกณฑ์กติกาจะมาจาก “การแต่งตั้ง” เท่ากับการใช้ “สิทธิในอำนาจของประชาชนทั่วไป” จะถูกจำกัดไว้ ขณะที่ “กลไกราชการจะถูกใช้งานมากขึ้น” ในฐานะเป็นอาชีพที่ได้รับความไว้วางใจจาก “ศูนย์อำนาจมากกว่า”
⦁…ล่าสุดเลยมาถึง “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ที่แม้จะคง “กกต.ใหญ่” ไว้ แต่ “มีชัย ฤชุพันธุ์” คนร่างกติกาใหม่ ชี้ชัดแล้วว่า “กกต.จังหวัด” ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดจากกรอบความคิด “กระจายอำนาจ” จะถูกแทนที่จากกลไกใหม่ที่เรียกว่า “ผู้ตรวจการ กกต.” ที่มาจากการแต่งตั้งของส่วนกลาง ส่งไปทำหน้าที่แทน
⦁…และหากย้อนไปดู ทิศทางของ “พ.ร.บ.พรรคการเมือง” หลักการทางความคิดไปในทิศทางเดียวกัน คือ “ควบคุมผู้ที่จะมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเข้มข้น” พร้อมกับ “กำหนดโทษที่รุนแรง” ด้วยเหตุผลที่ “ประชาชนส่วนใหญ่” เห็นดีเห็นงามด้วย คือ “นักการเมืองไร้คุณภาพ ขาดคุณธรรม จำเป็นต้องควบคุมบทบาท”
⦁…อย่าว่าแต่ “ประเทศไทย” มีมากมายด้วยปัจจัยที่เป็นเหตุให้ “พัฒนาการของอำนาจประชาชน” มีปัญหาติดขัดไปได้ช้าเลย ถึงวันนี้กระทั่ง “ประเทศประชาธิปไตยต้นแบบ” อย่าง “สหรัฐอเมริกา” ก็เริ่มมีวาระที่ตั้งคำถามต่อ “ระบบการเมือง” ชัยชนะในตำแหน่ง “ประธานาธิบดี” ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ก่อคำถามมากมายว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้ “แม่แบบประชาธิปไทย” ที่ยึดเอา “เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน” ตัดสิน จึงเกิดการปฏิเสธหลักการนั้น “การประท้วงผลเลือกตั้ง” เกิดขึ้นมากมาย แถมมีการประกาศตั้งขบวนการต่อต้าน “ผลเลือกตั้ง” กันแบบเอาจริงเอาจัง
⦁…ช่วงนี้ “ท่านผู้นำ-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เดินสายตามงานกระทรวงต่างๆ อย่างเข้มข้น และอาจจะเป็นเพราะ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ที่เสียงเล่าลือมากมาย ในเรื่องราวที่เป็น “สีสัน” อย่างยิ่ง เมื่อ “บิ๊กตู่” มีหมายไปเยี่ยมเพื่อนรัก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ทั้งที่ดูไปก็เป็นปกติ เหมือนที่ไปเยี่ยมกระทรวงอื่นๆ ก่อนหน้านั้น แต่กลับกลายเป็นวาระที่ถูกจับตามากมาย ระดับ “ลุ้นระทึก”
⦁…กระบวนท่าของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แปลงร่างเป็น “แม่ค้าข้าวข้างถนน” ซื้อตรงจากชาวนา มาขายตรงให้ประชาชน โดยไป “ยืนขายเอง” นับว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ทุกส่วน ทุกฝ่าย ทั้งราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนระดมกันช่วยลดขั้นตอน “พ่อค้าคนกลาง” กลับกลายเป็นว่า “ภาพไม่เคยทอดทิ้งชาวนา” กลับเป็นของ “อดีตนายกฯ” ส่วนฝ่ายอื่นๆ มีคำถามมากมายจาก “ภาพจำวิกฤตชาวนาครั้งที่แล้ว” ซึ่งบางหน่วยถึงขั้น จัดม็อบ “ต้านการช่วยเหลือชาวนา” ทำให้การยื่นมือคราวนี้ถูกประเมินว่า เป็น “ผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าความจริงใจ” ทั้งที่หากคิดให้ดี ไม่ว่าจะด้วยเจตนาอะไร “ช่วยย่อมดีกว่าไม่ช่วย”
ชโลทร





