บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ภายใต้แม่ทัพ ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำผลงานปี 2567 สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญต่างๆ ได้ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
ส่วนแผนปี 2568 ก็กำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้นเช่นกัน
ตอกย้ำการเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับสากลที่มุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล)
ซีอีโอณะรงค์ศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า GC มุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์และเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ เสริมสร้างศักยภาพในการเป็น “ศูนย์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด” (Map Ta Phut Specialty Hub) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบสนองความต้องการวัสดุที่ยั่งยืนที่เพิ่มสูงขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ GC ได้ขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมสากลด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ
โดยมีผลสำเร็จในปี 2567 ประกอบด้วย
-การปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต อาทิ GC และ KBC Advanced Technology Pte Ltd, a Yokogawa company ร่วมพัฒนา การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Advanced Process Simulation และความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของ GC และ KBC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของ GC, GC และ Toyo Engineering Corporation ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
รวมทั้ง GC และ Toray Industries, Inc. ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อผลิตกรดมิวโคนิกและกรดอะดิปิกชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร สู่ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำในอนาคต และ GC และบริษัท ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ร่วมพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานไฮโดรเจน (Future Hydrogen Society)เพื่อร่วมแก้ไขและชะลอปัญหาจากภาวะโลกร้อน
-การปรับ Portfolio มุ่งสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ โดยเฉพาะการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF
GC เป็นผู้บุกเบิกพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) รายแรกของประเทศไทยในระดับเชิงพาณิชย์ สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลกที่กำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) หรือ ICAO เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นประเทศที่คาร์บอนต่ำ โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดจำหน่าย และร่วมมือกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ใช้ผลิตภัณฑ์
รวมทั้งการขยายการเติบโตในธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET คุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ InnoEco by GC ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานการสัมผัสอาหาร (Food Contact) จากองค์การอาหารและยาของไทย (อย.) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA)
ประกอบด้วย 1.GC ร่วมกับ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด พัฒนาขวดน้ำมันพืชเกสร จากเม็ดพลาสติก รีไซเคิล rPET รายแรกของประเทศไทย สามารถเก็บรักษารสชาติและกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัยแก่ผู้บริโภค 2.GC ร่วมกับ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด และบริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) พัฒนาขวดน้ำแร่จิฟฟี่จากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET 100% ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-การบริหารจัดการด้านความยั่งยืน GC ริเริ่ม GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม ในปี 2563 เพื่อบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างครบวงจร (End-to-End Waste Management) สนับสนุนการคัดแยกและหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมเชื่อมโยงทุกภาคส่วน ด้วยเป้าหมายสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในประเทศ ช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ปัจจุบัน GC YOUเทิร์น ได้พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรีไซเคิลและขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในเครือข่ายมากกว่า 176 ราย พร้อมทั้งมีจุดรวบรวมพลาสติกใช้แล้วกว่า 290 จุด รวมถึงพัฒนาศูนย์บริหารจัดการขยะชุมชน (Community Waste Hub) เพื่อสร้างรายได้และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน โดยในปี 2567 ได้ขยายศูนย์บริหารจัดการขยะรีไซเคิลชุมชน 2 ศูนย์ในพื้นที่จังหวัดระยอง
รวมทั้งการบริหารจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากธรรมชาติ โดยดำเนินโครงการปลูกและดูแลป่า ในพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ ครอบคลุมป่าบก ป่าชุมชนและป่าชายเลน ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 46,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี พร้อมเสริมสร้างสมดุลของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ GC ยังได้รับรางวัลสำคัญที่สะท้อนความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและการพัฒนาธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ อาทิ ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) – อันดับ 1 ของโลกในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ใน DJSI World Index ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และติด Top 10 ในประเภท DJSI World และ Emerging 12 ปีติดต่อกัน, Carbon Disclosure Project (CDP) 2023 (ข้อมูลปัจจุบัน) – ได้รับการประเมินในระดับสูงสุด A List (Leadership Level) ด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และด้านการบริหารจัดการน้ำ (Water Security) เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน เป็นบริษัทเดียวในไทยที่ได้รับเกียรติสูงสุดนี้
รวมทั้ง Ecovadis Sustainability Rating – รางวัล Gold ด้วยผลคะแนนระดับ Advance ในมิติแรงงานและสิทธิมนุษยชน จรรยาบรรณธุรกิจ และการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน และมิติสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้อยู่ในอันดับ Top 5% ของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์พื้นฐาน
ปี 2567 GC ยังปิดการเสนอขายการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ครั้งแรกของบริษัท ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดในกลุ่มหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน เป็นที่เรียบร้อย มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท โดยมีผู้ลงทุนสนใจจองซื้อหุ้นกู้เกินเป้าหมายที่ GC ได้ตั้งไว้ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อ GC และกลุ่ม ปตท.
“GC เชื่อมั่นว่า กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ GC และการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดเคมีภัณฑ์ของโลก มาจากความร่วมมือและประสานศักยภาพกับพันธมิตร ที่ร่วมกันพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี ควบคู่กับการสร้างโอกาสทางการตลาดเชิงรุก เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนในระยะยาว” ซีอีโอณะรงค์ศักดิ์ทิ้งท้าย