นกเลิฟเบิร์ด เลี้ยงง่าย สีสันสวย เลี้ยงดูเล่นได้ เลี้ยงขายดี

สดุจตา – เรื่อง/รูป  

นอกจากสีสันสวยงาม รูปร่างเล็ก เสียงร้องใสๆ อุปนิสัยของนกชนิดนี้ “เลิฟเบิร์ด” (Lovebird) ยังน่ายกย่อง

ว่ากันว่าเมื่อเติบโตเต็มที่ เลิฟเบิร์ดจะหาคู่ของตัวเอง และเมื่อพบคู่แล้ว จะครองรักไปจนกว่าคู่ของตนจะตายจากไป บ้างว่าบางตัวถึงขั้นตรอมใจตายตาม

จริงเท็จเช่นไรไม่อาจรู้ได้ จนกระทั่งได้มาพบกับเลิฟเบิร์ดตัวจริง และได้เห็นภาพของการดูแลถ้อยทีถ้อยอาศัย  

Advertisement

 “Mally Lovebird” (มอลลี่ เลิฟเบิร์ด) คือฟาร์มนกเลิฟเบิร์ดขนาดกลาง สอบถาม คุณเกรียงไกร แม้นเหมือน เจ้าของฟาร์มผู้มีประสบการณ์เลี้ยงนกมากว่า 3 ปี บอกเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่ทำให้นกชนิดนี้เป็นที่สนใจของผู้เลี้ยงคือ สี ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ สร้างสีสันขึ้นมาอวดโฉม จนกลายเป็นเทรนด์สีที่ตลาดต้องการ ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนไปในแต่ละปี

จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงนกชนิดนี้ คุณเกรียงไกรว่า มาจากความรักสัตว์ และเมื่อคิดสร้างอาชีพเสริม จึงมองไปยังสัตว์เลี้ยงก่อน

แม้เริ่มต้นวางแผนกับการเลี้ยงปลาสวยงาม สร้างบ่อเตรียมไว้รองรับ รวมถึงซื้ออุปกรณ์บางชิ้นมาตระเตรียม แต่ด้วยพื้นที่มีปัญหาน้ำ จึงต้องล้มเลิกไป จนกระทั่งหันมาให้ความสนใจเลิฟเบิร์ด เพราะหุ้นส่วนเคยเลี้ยงจำหน่ายมาก่อน

Advertisement

การลงทุนทั้งโรงเรือน และองค์ความรู้ใหม่ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาสายพันธุ์ เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม ทั้งเดินทางไปตามฟาร์มเลิฟเบิร์ดศึกษาจากผู้เลี้ยงโดยตรง และเปิดโลกโซเชียล ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มผู้เลี้ยงจัดตั้งเฟซบุ๊กเพื่อเป็นกระบอกเสียงแนะนำให้ความรู้

“แม้หุ้นส่วนจะมีองค์ความรู้มาก่อน แต่ก็หยุดธุรกิจไปสักพักหนึ่งแล้ว ในขณะการเลี้ยงจำหน่ายนกชนิดนี้มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง อย่างการพัฒนาสายพันธุ์ เราจึงต้องหันมาศึกษาอีกครั้ง ทั้งระบบดูแล ให้อาหาร เรียนรู้วิธีผสมสี เพราะนกชนิดนี้มีจุดขายคือ สี อย่างในปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้สีที่ได้รับความนิยมคือ เยลโล่ เฟส (W/F)”

พื้นที่เช่าทำโรงเรือนขนาดประมาณ 80-100 ตารางเมตร กับค่าก่อสร้างราว 200,000 บาท ซึ่งในส่วนของโรงเรือนเป็นลักษณะโอเพ่นแอร์ แต่ทว่าต้องกรุด้วยตาข่ายตาถี่ เพื่อป้องกันศัตรูของนก อย่าง หนู งู เป็นต้น

IMG_3237

จำนวนพ่อแม่พันธุ์เลิฟเบิร์ด 40 คู่ ถูกซื้อมาจากฟาร์มมีชื่อเสียงในประเทศไทย กับราคาขายคู่ละ 1,500 บาท ไปจนถึง 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับสี จากนั้นนำมาผสมสายพันธุ์ให้ได้สีสันตามตลาดต้องการ โดยมีตลาดรับซื้อชั้นนำ อย่าง ตลาดนัดจตุจักร, ตลาดนัดจตุจักร 2 มีนบุรี, ตลาดไท เป็นต้น

“ก่อนก้าวมาเปิดฟาร์ม เราดูตลาดแล้วว่าจะขายใคร ควรมีร้านรับซื้อแน่นอน เพราะเลิฟเบิร์ดอาจขายไม่ได้ผลบนโลกโซเชียล โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้ก้าวเข้ามาใหม่ ความเชื่อถือไม่เกิด เราต้องเข้าไปติดต่อกับผู้ขาย เปิดเผยฟาร์มให้เห็น จากนั้นก็ใช้ความจริงใจเข้าแลกกับความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งตอนนี้จะมีทั้งผู้ซื้อที่เป็นร้านจำหน่ายเพื่อไปขายต่อ ผู้ต้องการนำไปขยายธุรกิจนำไปเลี้ยงต่อ ซื้อไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ ซื้อไปเลี้ยงเอง และรวมถึงฟาร์มขนาดใหญ่ที่รับซื้อเพื่อนำไปทำตลาดส่งขายทั้งในและต่างประเทศ โดยประเทศกำลังให้ความนิยมได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์”

จากจำนวนนก 40 คู่ ขยับขยายเป็น 200 คู่ ซึ่งในแต่ละเดือนให้กำเนิดลูกนกกว่า 20 ตัว ส่วนราคาขายก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เริ่มต้น 500 บาท ไปจนถึงประมาณ 10,000 บาทต่อตัว แต่กับราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ค่อนข้างซื้อง่ายขายคล่อง

คุณเกรียงไกร ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงนกที่พร้อมผสมพันธุ์อายุจะราว 1 ปี โดยผสมพันธุ์ปีละ 4 ครั้ง ให้ไข่ครั้งละ 4-5  ฟอง ส่วนเปอร์เซ็นต์รอดประมาณ 3-4 ตัว

คุณเกรียงไกรจึงหาจุดขายสร้างชื่อเสียง โดยเลือกผสมสายพันธุ์นกหายากอย่างสายพันธุ์ฟอลโล่ (Follow) ในตาสีแดง โดยราคาขายลูกนกสูงถึงตัวละ 5,000 บาท ซึ่งขณะนี้สามารถเพาะได้เดือนละประมาณ 4-5 ตัว

แม้ในวันนี้กลุ่มผู้เลี้ยงเลิฟเบิร์ดจะยังไม่กว้างมากนัก แต่ทว่ากับการดูตลาดมาตลอดระยะเวลาทำธุรกิจ ก็เห็นว่ามีโอกาสขยาย โดยสังเกตได้จากฟาร์มเปิดเพิ่มมากขึ้น อย่างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมแล้ว 20-30 แห่ง และด้วยจำนวนฟาร์มที่เปิดมากขึ้นนี้เอง มีผลต่อการแข่งขันด้านราคาตกลงอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น ผู้ที่จะยืนหยัดอยู่ในเส้นทางสายนี้ได้ ต้องตามเทรนด์สี พัฒนาให้ทันความต้องการของตลาด

อ่านต่อธุรกิจการเลี้ยงนกเลิฟเบริด์และการดูแลคลิกได้ที่นี่

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image