สกู๊ปพิเศษ : กพร.กางแผนอัพเกรดฝีมือ ยกระดับคนไทย

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 มกราคม เห็นชอบงบประมาณ 35,679.09 ล้านบาท ในมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อปี 2560 ที่กระทรวงการคลัง สรุปยอดผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 14,176,170 คน

ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน 11,431,681 คน ซึ่งมีเงื่อนไข คือ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมการพัฒนารายบุคคล ทั้งฝึกอาชีพและพัฒนาทักษะ ตามที่รัฐบาลกำหนด
ซึ่งกำหนดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาลงทะเบียนเพื่อฝึกอบรมได้ตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์นี้ โดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม และผู้ที่มีรายได้ไม่เกินปีละ 3 หมื่นบาท ได้รับเงินเพิ่มคนละ 200 บาทต่อเดือน และผู้ที่มีรายได้สูงกว่าปีละ 3 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท ได้รับเงินเพิ่มคนละ 100 บาทต่อเดือน

สำหรับการดำเนินงานฝึกอบรมให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น นายสุทธิ  สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน อธิบายแผนงานการฝึกอบรมว่า การดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในเฟส 2 ตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กพร.จะดูตามความพร้อม และความถนัด ของผู้มีรายได้น้อย ตรวจสอบทักษะเบื้องต้น มุ่งเน้นงานที่ทำแล้วมีความสุข จะประกอบด้วยการส่งเสริมและฝึกอาชีพ หลักสูตร ฝึกอาชีพเร่งด่วน ช่างอเนกประสงค์ (ช่างชุมชน)

ทั้งนี้ มีผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนไว้ 81,000 คน ส่วนการฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำ หรือการประกอบอาชีพอิสระ มีผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนฝึกอาชีพ 919,000 คน

Advertisement

การฝึกอบรมผู้มีรายได้น้อยให้เป็นช่างอเนกประสงค์ จะมีการฝึกอบรมพร้อมทั้งมอบเครื่องมือชุดช่างอเนกประสงค์ให้ด้วย ผ่านหลักสูตรการฝึกมัลติสกิล (Multi-skill) 60 ชั่วโมง เช่น งานซ่อมไฟฟ้า งานซ่อมประปา งานซ่อมประตู หน้าต่าง เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายผู้ผ่านการอบรมในกลุ่มนี้ 87,902 คน ใช้งบประมาณ 843,859,200 บาท ขณะที่การฝึกอบรมผู้มีรายได้น้อยให้มีอาชีพเสริม หรืออาชีพอิสระ

อธิบดี กพร. ขยายความเพิ่มเติมว่า กพร.จะจัดฝึกอบรมพร้อมมอบเครื่องมือในการประกอบอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น กองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้าน ธนาคารของรัฐ เป็นต้น หลักสูตรที่ใช้ฝึกมี 18 ชั่วโมง 30 ชั่วโมง และ 60 ชั่วโมง มีเป้าหมาย 912,098 คน ใช้งบประมาณ 4,660,416,400 บาท

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยมารายงานตัวจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากนั้นทีมทำงานของกระทรวงการคลังจะลงไปสัมภาษณ์อีกครั้งว่าอยากอบรมอะไร อยากไปกระทรวงเกษตรฯหรือไม่ อยากกู้เงินหรือไม่ อยากขายก๋วยเตี๋ยวไหม ถ้าอยากจะมากระทรวงแรงงาน ต้องบอกว่าอยากจะมาฝึกอาชีพกับกระทรวงแรงงาน กลุ่มนี้จะมีบัญชีรายชื่อส่งไปให้แรงงานจังหวัด จะมีการประมวลผลโดยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อแยกว่าคนที่ต้องการฝึกอาชีพอยู่ที่ไหน จะอบรมอะไร จะมีการบริหารจัดการข้อมูลร่วมกัน

ส่วนงบประมาณในการดำเนินงานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 นายสุทธิระบุว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงานเตรียมงบประมาณดำเนินการกว่า 5,000 ล้านบาท จะเน้นให้มีทักษะไปประกอบอาชีพเองได้ หรือจะไปทำงานกับบริษัท ห้างร้านต่างๆ ก็ได้ กรมการจัดหางานจะหางานให้ทำ หากใครอยากทำอาชีพอิสระ จะส่งเสริมให้หาเงินทุนสามารถประกอบอาชีพได้ เพื่อให้คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท มีรายได้เลี้ยงตัวเองมากขึ้น
ส่วนที่ห่วงกันว่าอบรมไปแล้วจะทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จะไม่เป็นแบบนั้น เพราะดูได้จากการดำเนินงานในระยะที่ 1 กพร.มีการคัดเลือกคนตามความต้องการ เอาคนที่มีความต้องการจะฝึกจริงๆ และเมื่อนำไปฝึกแล้วมีเสียงตอบรับที่ดีกลับมา มีแต่คนถามว่าจะมีอีกไหม เห็นได้ว่าเป็นความต้องการของคนในพื้นที่จริงๆ จึงต้องดูให้สอดคล้องความต้องการ และจะดูตลาดให้ด้วยหากจะให้ชาวบ้านทำแต่ตะกร้าติดๆ กัน ทั้ง 3 หมู่บ้าน แล้วใครจะมาซื้อ

ทั้งนี้ เมื่อคัดเลือกคนมาฝึกแล้ว จะดูการตลาดให้ด้วยว่าจะขายอะไร จะประกอบอาชีพอะไร จะสวนทางตลาดไหม และจะอบรมอีคอมเมิร์ซให้ด้วย เพราะวันนี้เป็นโลกดิจิทัล เป็นไทยแลนด์ 4.0 เมื่ออบรมอาชีพเสร็จ จะต่อยอดให้หาตลาดขายของออนไลน์ ที่ผ่านมาวิสาหกิจชุมชนชอบมาก สมัยก่อนขายสินค้าไม่ได้ เพราะไม่มีคนรู้จัก พอนำลงเว็บไซต์ก็มีคนสนใจจนขายได้ ช่วยต่อยอดตลาดกว้างขึ้นหลังจากกระทรวงการคลังปิดรับลงทะเบียน 28 กุมภาพันธ์นี้ หากยังมีคนไม่ลงมารายงานตัว จะมีทีมของกระทรวงการคลังลงพื้นที่อีก 1 เดือน เพื่อนำข้อมูลรวมทั้งตัวเลขต่างๆ ส่งคลังจังหวัด ไปถึงแรงงานจังหวัด จะมีการทำงานร่วมกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในการดูแลตัวเลขในภาพรวม

หลังรายงานตัวจะมีข้อมูลเข้ามาบางส่วน แต่จะได้เริ่มฝึกเมื่อใดนั้นเชื่อว่าน่าจะ 3 เดือนไปแล้ว ขึ้นอยู่กับงบประมาณว่าจะสามารถผ่านสภาได้เร็วแค่ไหน กพร.จะประชุม ทำคู่มือ ทำหลักสูตรให้พร้อม ถ้าได้ข้อมูลครบ มีงบประมาณลงมาก็พร้อมที่จะบริหารจัดการทันที แต่ละหลักสูตรจะออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ที่ลงทะเบียนไว้Ž อธิบดี กพร.อธิบาย

นับเป็นแผนงานที่ท้าทาย เพราะเกี่ยวข้องกับประชาชนหลายล้านคน การดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 จะประสบผลสำเร็จตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ ผู้มีรายได้น้อยประมาณ 4 ล้านคน มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี และหลุดพ้นจากความยากจนได้สำเร็จหรือไม่

หากรัฐบาลนำพาประชาชนทะลุด่านนี้ไปได้ ย่อมหมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่จะเปลี่ยนไป
และจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่
เข้มแข็งของประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image