‘ทนายพีรภัทร’เตือนสื่อโซเชียล เล่นข่าวช่วย13ชีวิต แต่ก๊อปรูป-คลิปข่าวคนอื่นมาลง ผิดกม.

วันนี้ (29 มิ.ย.61) ดร.พีรภัทร ฝอยทอง ทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ “Dr. Pete Peerapat – Certified Financial Planner” ระบุว่า ในขณะชาวไทยและชาวต่างประเทศกำลังส่งใจไปช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ให้ออกมาจากถ้ำหลวง ได้อย่างปลอดภัย หลายคนก็ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด จากทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์ทั้งหลาย โดยสื่อต่าง ๆ เลยพยายามแข่งขันกันรายงานข่าวให้เร็วที่สุด และเจาะลึกที่สุด ทำให้ตอนนี้เกิดดราม่าสื่อไม่มีจรรยาบรรณบ้าง ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่บ้าง ซึ่งการทำงานของสื่อปัจจุบัน ก็จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ สื่อหลัก ที่ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จริง เช่น ช่อง 3, 7, 9 ThaiPBS, PPTV ฯลฯ กับ สำนักสื่อออนไลน์ ที่นั่งอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ แต่รายงานสถานการณ์แข่งกับสื่อหลักได้อย่างน่าทึ่ง เช่น Thai Sky News, MThai, The Standard ฯลฯ

ดร.พีรภัทร กล่าวต่อว่า เห็นคำตัดพ้อของนักข่าวของสื่อหลักท่านหนึ่ง ที่บ่นในโลกโซเชี่ยลมีเดียว่า ตั้งใจทำงานลงพื้นที่แทบตาย ที่ไหนได้โดนสื่อออนไลน์ก๊อปไปลงเพจตัวเอง พร้อมตัดเครดิต ตัดโลโก้ ในภาพที่เขาถ่ายมาออกหมด แถมทักไปบอกกล่าวดี ๆ ก็โดนบล๊อกไปด้วย ตนจึงคิดว่าประเด็นการก๊อปปี้ข่าวคนอื่น แล้วเอาไปอ้างเป็นผลงานตัวเองแบบนี้ ตามกฎหมายลิขสิทธิ์นั้น ถือว่าผู้สร้างสรรค์ผลงานเป็นผู้ที่มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์นั้น แล้วทีนี้การรายงานข่าว ถือว่ามีลิขสิทธิ์ หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ มาตรา 7 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ มาตรานี้ระบุว่า ข่าวสารประจำวัน หรือข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ แปลว่าสามารถก๊อปปี้ข่าวของใครมาเผยแพร่ก็ได้ ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ที่ไม่ผิด คือ การก๊อปปี้ข่าวสารประจำวัน หรือข้อเท็จจริงที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสารเท่านั้น แต่ถ้าเป็นพวกภาพถ่าย วีดีโอ ที่เป็นข่าว หรือ พวกสกู๊ปพิเศษที่ทำขึ้น พวกนี้ยังถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์อยู่ โดยสังเกตง่าย ๆ เช่น ยูทูป (Youtube) หรือ เฟซบุ๊ก (Facebook) จะลบคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านั้นออกทันที ถ้าระบบตรวจจับเจอว่าไม่ได้เผยแพร่จากเจ้าลิขสิทธิ์ที่แท้จริง นอกจากนี่ ยังมีพวกเจ้าเล่ห์หัวหมอ ที่นอกจากจะก๊อปเอาคลิป หรือภาพถ่ายของคนอื่นมาหน้าตาเฉย พวกนี้ยังตัดโลโก้เขาออก หรือหนักกว่านั้น เอาโลโก้ตัวเองไปใส่แทน เพื่อให้เนียน เสมือนหนึ่งว่าตนเป็นผู้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้นมา บอกตรงนี้เลยว่าพวกนี้ นอกจากจะผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นแล้ว ยังถือว่ามีเจตนาลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิ์ (ข้อมูลที่ทำให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์) ซึ่งเป็นความผิดฐานละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ์อีกกระทงหนึ่งด้วย (มาตรา 53/1) ถ้าการละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ์นั้น ทำไปเพื่อใช้ในทางการค้า เช่น ทำเพื่อหาโฆษณามาลงเพจ ก็จะมีโทษหนักขึ้น โดยอาจติดคุก 3 เดือน ถึง 2 ปี ปรับ 50,000 ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“ส่วนบางสื่อ ไม่อยากเอ่ยนามว่าเจ้าไหน แถมเพจดังชอบแชร์ให้อีก ที่ชอบก๊อปรูป ก๊อปคลิปคนอื่นมาลง ทั้งจากทีมกู้ภัย หรือจากสื่อหลัก เอามาตีเนียนใส่เพจตัวเอง เสมือนหนึ่งว่าตนเป็นสำนักสื่อออนไลน์ชั้นนำ มีนักข่าวของตัวเองไปลงพื้นที่เป็นสิบ แบบนี้ตนถือว่าตั้งใจทำผิดกฎหมายชัดเจน และพวกเราไม่ควรให้การสนับสนุนด้วยครับ ไปกด ไลค์ (Like) กดแชร์ (Share) คนที่ทำถูกดีกว่า และตนก็อยากฝากให้กำลังใจพี่ ๆ สื่อหลักหลาย ๆ ช่อง ที่ทำงานหนัก ลงพื้นที่จริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี เช่น ที่ตนติดตามประจำอย่างช่อง Thai PBS หรือ PPTV HD 36 รวมถึงช่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เอ่ยชื่อด้วย” ทนายความ กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image