จากกรณี นายปนิตา คชประภา อายุ 25 ปี หรือ น้องแนท สาวประเภทสอง พนักงานเสิร์ฟโรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พระนคร ศรีอยุธยา เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสุรสีห์ แห่งศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการโครงการเขตอุตสาห กรรมนวนครสูงเนิน จ.นครราชสีมา ใช้ฝ่ามือตบหน้าอย่างแรงหลังจากไม่พอใจที่ถูกห้ามสูบบุหรี่ในห้องอาหาร เนื่องจากไม่มีตัวดูดอากาศแล้วยังจะทำให้สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น อีกทั้งยังผิดกฎของโรงแรมด้วย เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา
ต่อมา ทั้งคู่ คือ นายปนิตา ผู้เสียหาย และนายสุรสีห์ ตกลงกันได้ โดยนายปนิตา ประสงค์ให้นายสุรสีห์ กล่าวขอโทษ และเรียกค่าสินไหมทดแทนจากที่ถูกตบหน้า 1 ครั้ง โดยนายสุรสีห์ ได้กล่าวขอโทษ และได้มอบเงินสินไหมทดแทน 40,000 บาท ให้นายปนิตา จนเป็นที่พอใจ จึงไม่ติดใจดำเนินคดีกับนายสุรสีห์ ทั้งทางแพ่งและอาญา
ซึ่งทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ถึงประเด็นนี้ว่า ยอมรับว่าเป็นการจบคดีแบบงงๆ แต่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของผู้เสียหาย แต่อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่าการเจรจาไกล่เกลี่ยกันครั้งนี้ได้มีการจ่ายค่าชดเชยและค่าทำขวัญให้ผู้เสียหายเป็นเงิน 40,000 บาทด้วย
ล่าสุด นายปนิตา ได้โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า น้องแนทและครอบครัวได้นำเงินที่นายสุรสีห์แห่งศรีสุวรรณได้มอบเป็นค่าทำขวัญไปบริจาคให้กับ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ อาคารพุทไธศวรรย์ และทำบุญเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาอีกด้วย ขอบุญกุศลในครั้งนี้บังเกิดแด่ทุกๆท่านที่ช่วยเหลือน้องแนท ทั้งสื่อมวลชนทุกๆแขนง และท่านที่ให้กำลังใจทางน้องแนทและครอบครัวขอขอบพระคุณทุกๆท่าน มา ณ ที่นี้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในโลกโซเชียลมีวิพากษ์วิจารณ์ ว่าต้องใช้เงินตบหน้าจะจบคดี ซึ่งหลังจากโพสต์รุปแและข้อความที่แนทนำเงินบุญ ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจ และร่วมอนุโมทนาสาธุ
