ลูกเลี้ยงแฉ จนท. รพ.รัฐขอนแก่นสารภาพชกหน้าพ่อก่อนตาย เตรียมกราบขอขมา สุดท้ายพลิกลิ้น!

จากกรณีเมียและลูกเลี้ยง “นายพินันท์” เข้าแจ้งความ จนท.รพ.รัฐที่ขอนแก่นชกหน้าผู้ป่วยเสียชีวิต แต่ ผอ. รพ. แจงเป็นเรื่องเข้าใจผิด พยาบาลชายไม่ได้ชกหน้าคนป่วย เพียงแค่เอื้อมมือดึงมือผู้ป่วยที่พยายามดึงผ้าพันแผล จนตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นสองมุม ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 6 ธ.ค.  ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์- เวลา 13.30-14.10 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณศรินทิพย์  อิ่มใจ” หรือ “ยะหยา” ลูกเลี้ยง ซึ่งเผยในรายการว่า

 

เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?

ยะหยา : “วันที่ 27 พ.ย. เวลาประมาณ 4-5 โมงเย็น คุณพ่อหน้ามืดเป็นลม เหมือนเขาหงายหลัง แม่ก็โทรหาหยา บอกว่าให้เรียกรถพยาบาล หยาก็เรียกรถรพ.บ้านไผ่มารับที่บ้าน ระหว่างนำพ่อไปหยาก็คุยกับแม่ตลอด เขาบอกพ่อไม่เป็นอะไร พ่อเคยล้มมีโรคประจำตัวเส้นเลือดหัวใจตีบอยู่แล้ว เขาเคยเป็นลมสองสามครั้งแต่ไม่เป็นอะไร”

Advertisement

 

ไปถึงบ้านไผ่แล้วเป็นอะไร?

ยะหยา : “ทางรพ.ก็ตรวจเช็กและให้น้ำเกลือ พ่อก็อาการดีขึ้น พูดคุยรู้เรื่อง มีสติทุกอย่าง แต่ทางหยา ซึ่งอยู่ในสายกับแม่ตลอด ด้วยความที่เครื่องมือบ้านไผ่ไม่พร้อม ด้วยความที่พ่อหน้ามืดไป เราก็เป็นห่วง ก็เลยแจ้งแม่ว่าให้ส่งต่อไปรพ.ศูนย์ในตัวขอนแก่น ช่วงก่อนส่งตัวเขามีการตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดแล้ว เขาก็ส่งตัวไปรพ.ขอนแก่น อาจจะเป็นดุลยพินิจของแพทย์ที่ส่งไปอีกทีเพราะเครื่องมือบ้านไผ่ก็ยังไม่พร้อม พอไปถึง ณ ตอนนั้นคุณแม่อยู่กับคุณพ่อ เขาพาเข้าห้องฉุกเฉิน แม่รอหน้าห้องฉุกเฉิน เสร็จแล้วแม่ได้ยินเสียงดังโครม ดังมาก แล้วมีญาติผู้ป่วยนั่งอยู่ 3-4 คนพูดว่าต้องมีคนตกเตียง แต่ว่าแม่ก็ไม่ทราบว่าใคร ยังไง แต่หลังจากนั้นแม่ก็เห็นว่าเขาเข็นผู้ป่วยกลับเข้ามา แม่ไม่เห็นเหตุการณ์ข้างใน”

 

ในห้องฉุกเฉินมีทางออกสองข้าง ด้านหน้าคือคุณแม่นั่งเฝ้า แต่ตอนคุณพ่อออกไป ออกประตูหลัง พยาบาลน่าจะเข็นไปประตูหลังเพื่อเอกซเรย์?

ยะหยา : “ใช่ค่ะ ตอนแรกมาไม่มีผ้าโพกหัว แต่ตอนหลังมีผ้าโพกหัว แม่ก็ไม่กล้าถามอะไรหมอตามประสาคนแก่ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่บอกแม่ว่าจากที่รอหน้าห้องฉุกเฉินให้แม่เขยิบไปรออีกจุด แม่ไม่รู้รายละเอียดในห้องฉุกเฉิน จนกระทั่งช่วงเช้าเขาเข็นพ่อออกมาไปอีกตึกนึง แม่ก็เดินตามไป แม่ก็ขอเข้าไปดูพ่อ ระหว่างที่เข็นก็เห็นบาดแผลที่คิ้วด้านซ้าย เป็นแผลเย็บ 6 เข็ม เสร็จแม่ก็ขอเข้าไปหาพ่อในห้องระบบประสาท แม่ก็ถามพ่อว่าเป็นอะไรพ่อก็บอกว่าให้เอากระเป๋ามาให้พ่อ พ่อจะกลับบ้าน พ่อไม่อยู่แล้ว หมอชกทำร้ายพ่อ พ่อพูดแบบนี้”

พ่อพูดกับแม่แบบนี้?

ยะหยา : “ใช่ เขาบอกว่าหมอต่อยพ่อ อะไรประมาณนี้ ณ ตอนนั้นเขาก็พยายามดิ้น บอกว่าให้แม่แก้มัดให้เขาหน่อย มันแน่น เขาอึดอัด เขาเจ็บปวดตัวไปหมดแล้ว เขาอยากกลับบ้าน ให้ปล่อยเขาที เขาจะไปชกหมอ เพราะหมอทำร้ายพ่อ ก็ยังย้ำคำนี้ เหมือนเขาโกรธมาก เขาไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาอยู่ เขาต้องโดนหมอทำร้ายอีกแน่นอน ตอนนั้นแม่บอกว่าแก้มัดไม่ได้เพราะหมอไม่ให้แก้”

 

ไปตึกใหม่ที่ย้ายไปเรียบร้อยแล้วเกิดอะไรขึ้น?

ยะหยา : “พอเขาไม่ยอมแก้มัด เจ้าหน้าที่ก็เชิญแม่มานั่งรอข้างนอก แม่ก็มานั่งรอแต่ก็เดินเข้าเดินออกเป็นระยะว่าเป็นยังไงบ้าง”

 

บ่ายโมงกว่าวันที่ 28 เกิดอะไรขึ้น?

ยะหยา :”พยาบาลเอาข้าวมาให้ผู้ป่วยเตียงข้างๆ แต่พ่อไม่มีข้าว แม่ก็เลยถามว่าทำไมพ่อไม่ได้ข้าว เขาบอกว่าให้พ่องดอาหาร 3 วัน แม่ก็เห็นพ่อมีอาการเหงื่ออกบอกว่าร้อนมาก เลยเอามาชุบน้ำเช็ดหน้าพ่อ พ่อก็เกิดอาการเกร็งที่แขน ที่ตัว และเกิดอาการช็อกแน่นิ่งไป แม่ก็เรียกพยาบาลให้มาดูพ่อหน่อย เขาก็ปั้มหัวใจ หยาก็มาทันเวลาที่เขาปั้มหัวใจพอดี”

 

หลังลงมานอนพักฟื้นอีกตึก บ่ายโมงกว่าๆ คุณพินันท์เกิดอาการชักเกร็งมีการปั๊มหัวใจและเสียชีวิตในเวลาต่อมา คุณหยาไปที่รพ. เห็นอะไรบ้าง?

ยะหยา : “เห็นเขาปั้มหัวใจค่ะ สัก 10 นาที หยานั่งสัก 20 นาที เขาก็แจ้งว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นเขาให้หยากับแม่ไปรอข้างนอก เขาก็จัดการกับศพคุณพ่อ ตอนแรกเหมือนเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีการสวมชุดผู้ป่วยให้ ตอนนั้นแม่ก็ดำเนินเรื่องเอกสาร มีใบรับรองการตายออกมาให้หยากับแม่ ตอนนั้นแม่เป็นคนไปรับ เพราะหยาวิ่งไปหน้ารพ.เพื่อซื้อชุดใหม่มาเปลี่ยนให้พ่อ หยาก็ไปกับแม่ที่ห้องดับจิต ทำเรื่องให้เขานำร่างพ่อส่งทางบ้านไผ่ แต่ขอส่งในวันรุ่งขึ้น”

คุณเห็นสภาพศพคุณพ่อ ใบหน้าที่เห็นคืออะไร?

ยะหยา : “คิ้วแตกมีรอยเย็บบริเวณคิ้วด้านซ้ายค่ะ น่าจะ 6 เข็มค่ะ ส่วนตาเขียว ตอนนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ก็เลยถ่ายรูปไว้”

 

เห็นแบบนี้ถามไปทางใคร?

ยะหยา : “หลังคุณพ่อเสียชีวิต ระหว่างกลับบ้านไผ่ ก็ถามคุณแม่ว่า ทำไมตอนที่อยู่บ้านไผ่ ตอนพ่อล้ม พ่อเขาหลังศีรษะลงแค่ถลอก ทำไมอยู่ๆ มีบาดแผลที่คิ้ว แม่ก็บอกว่าพ่อตกเตียง ได้ยินเสียงดังโครมมาจากห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นญาติคนไข้ได้ยินเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าใครตกเตียง ก็ถามว่าพยาบาลไม่ได้มาแจ้งเหรอ แม่ก็บอกว่าไม่มีใครมาแจ้งแม่ หยาก็เลยโทรไปรพ.บ้านไผ่ก่อน โทรไปถามว่าคุณพ่อมีบาดแผลจากบ้านไผ่มั้ย ทางรพ.บอกว่าไม่มีบาดแผล”

 

คุณได้ถามทางรพ.ศูนย์ก่อนมั้ย?

ยะหยา : “หยาโทรไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อมีบาดแผลที่คิ้ว เพราะพ่อไม่มีบาดแผลตอนมาจากบ้านไผ่ เขาบอกว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการหกล้มที่บ้านไผ่ เขายืนยันมาเลย”

 

คุณเลยติดใจเรื่องนี้?

ยะหยา : “ติดใจว่าถ้ามีบาดแผลมาจากรพ.บ้านไผ่ ทำไมบ้านไผ่ไม่เย็บบาดแผลก่อน”

 

คุณโทรไปถามบ้านไผ่เลย?

ยะหยา : “ใช่ค่ะแจ้งเขาก่อนว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว ก็บอกว่าทางรพ.ศูนย์บอกว่าคุณพ่อมีบาดแผลตั้งแต่รพ.บ้านไผ่ เรายืนยันและคุณแม่ก็ยืนยันว่าไม่มีบาดแผล ทางรพ.บ้านไผ่ก็ยืนยันว่าไม่มี เขามีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดนะ ว่าพ่อไปในสภาพที่ไม่มีบาดแผล วันที่ 28 โทรไปถามรอบแรก ครั้งที่สองในวันที่ 29 พ.ย. มีพยาบาลโทรมาบอกว่าทางรพ. รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยอมรับว่าคุณพ่อหกล้มในห้องฉุกเฉิน ล้มเองค่ะ”

มีการบอกมั้ยว่าไปถามทางรพ.บ้านไผ่มาแล้ว?

ยะหยา : “ได้บอกค่ะ เขาถึงได้โทรกลับมา เขาบอกพ่อล้มในห้องฉุกเฉิน ก็ถามว่าแล้วทำไมครั้งแรกคุณถึงบอกว่าพ่อมีบาดแผลจากรพ.บ้านไผ่ เขาบอกว่าเป็นเพราะคุณหมอเขียนเป็นรูปว่ามีบาดแผล เขาก็ทำการเย็บให้ นาทีนั้นก็เลยบอกว่าการล้มตรงนี้ก็ยังไม่เชื่อ คุณยังไม่พูดความจริง ถ้าพ่อล้มต้องล้มอย่างแรง เพราะคิ้วแตกและตาเขียวขนาดนั้น แต่สิ่งที่หยาได้รับรู้มาจากแม่ คือได้ยินเสียงโครมเหมือนผู้ป่วยตกเตียง เขาบอกว่าเขาคุยกับทางทีมพยาบาลแล้วว่าล้มค่ะ เขาบอกว่างั้นอยากเชิญญาติมาคุย หยาก็ขอเป็นพรุ่งนี้ เวลา 19.00 น. วันที่ 29 พ.ย. มีพยาบาลระดับหัวหน้า โทรเข้ามาแจ้งว่าเขาจะพูดความจริง ข้อเท็จจริงให้ฟัง เขาเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ย เขาบอกว่าททางเราขอรับข้อผิดพลาดจริงว่าผู้ป่วยตกจากเตียง”

 

คุณทำยังไง?

ยะหยา : “ก็ถามเขาว่าทำไมคุณต้องโกหก เขาก็อธิบายว่าพอดีเขาไม่ได้โกหก แต่เขาเข้าใจผิด พยาบาลคิดว่าผู้ป่วยด้วยอาการที่ล้มมาคิ้วแตก หยาก็เลยบอกว่าคุณตั้งใจปกปิดตั้งแต่ทีแรกแล้ว ผู้ป่วยตกเตียงคุณก็ไม่แจ้งญาติ พอหลังจากญาติทราบเรื่อง ญาติต้องโทรมาสอบถามเอง พอสอบถามปุ๊บคุณก็โกหกว่าผู้ป่วยมีบาดแผลจากบ้านไผ่ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดจากตรงนี้ รอบสองก็มีพยาบาลโทรมาแจ้งว่าผู้ป่วยล้มไม่ใช่ความจริง หลังจากนั้นเขาก็ขอให้ทางญาติมาคุยในวันที่ 30 เหมือนกับมาแจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยให้แพทย์ที่รักษามาร่วมชี้แจงด้วย”

 

คุณไปมั้ย?

ยะหยา : “มาค่ะ เขาไม่เอากล้องวงจรปิดให้ดูค่ะ วันนั้นไม่ได้ขอดู เพราะเรายังไม่ได้มีหลักฐานอะไร”

 

มาเห็นกล้องวงจรปิดตอนไหน?

ยะหยา : “วันที่ 4 ธ.ค. ค่ะ เห็นภาพคุณพ่อนั่งอยู่บนเตียง ไม่มีที่กั้น คุณพ่อพลัดตกจากเตียงหน้าคว่ำลงไป คิ้วแตก พยาบาลก็เอาผ้าก็อตสีขาวมาซับเลือดให้ แต่ยังไม่ได้พันแผล เอาผ้าไปพันที่ศีรษะแล้วเข็นออกไปประตูหลัง สักพักก็เข็นกลับเข้ามา”

 

พอคุณพ่อกลับเข้ามาในห้องฉุกเฉินเห็นอะไรต่อ?

ยะหยา : “เห็นคุณพ่อลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเพื่อรอทำแผล แต่ข้อมือโดนพยาบาลมัดไว้แล้วยึดไว้กับเตียง ดูกล้องวงจรปิดกับคุณแม่และคุณน้า ทางเขามีพยาบาล หัวหน้าห้องไอซียู ยืนดูด้วยกัน ภาพต่อมาคือเจ้าหน้าที่พยาบาลผู้ชายเดินเข้ามาหาคุณพ่อ แล้วมีการพูดคุยกัน ประมาณ 5 วินาที ลักษณะที่เราเห็น เหมือนเขาสะบัดมือ เคลื่อนไหวมืออย่างเร็วไปที่ใบหน้าพ่อด้านซ้าย เราไม่เห็นเขากำกำปั้นหรือเปล่า”

 

ทางฝั่งโน้นบอกว่าเขาตรวจเช็กบาดแผล?

ยะหยา : “เป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะหลังจากที่เขามีลักษณะปัดมือเข้าไปที่ใบหน้าพ่ออย่างเร็ว เขาก็เหมือนกับดันพ่อให้นอนลงไป พ่อเหมือนกับมึนๆ อยู่ค่ะ เขาก็ผลักตัวพ่อลงไปนอน ใช้มือชี้เหมือนต่อว่า เสร็จแล้วเขาก็เดินออกไปจากจุดนั้นแต่ยังอยู่ในห้อง”

 

หลังเห็นภาพ คนที่ยืนดูอยู่ด้วยกันเขาทำยังไง?

ยะหยา : “พยาบาลก็บอกว่าเขาเห็นเหตุการณ์พร้อมหยา ก็ยกมือไหว้ขอโทษหยา เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าหน้าที่ทำกับผู้ป่วยแบบนี้ ทางรพ.ไม่ทราบจริงๆ ต้องขอโทษทางญาติ ขอให้ญาติอย่าเอาผิดเจ้าหน้าที่ อยากให้โอกาส”

 

หลังจากนั้นมีข้อตกลงอีกมั้ย?

ยะหยา : “โทรมาบอกว่าเขาสอบสวนเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้ว และเจ้าหน้าที่ก็รู้สึกผิด เสียใจเป็นอย่างมาก แล้วเขาก็จะมากราบขอโทษกับทางญาติ ยืนยันว่าเขาพูดแบบนี้ บอกว่าเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นกลางคืนก็โทรมาอีกรอบ บอกว่าทางผอ.โรงพยาบาลขอนัดดูกล้องวงจรปิด เพื่อคุยรายละเอียดด้วยกัน ในวันที่ 7 หยาก็ถามกลับไปว่า เจ้าหน้าที่คุณสอบสวนถึงไหนแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายคุณตา”

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image