ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพเรือได้โพสต์คลิป พร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “กองทัพเรือกับการรักษาเอกราช และอธิปไตย ของชาติทางทะเล”
กองทัพเรือ มีหน้าที่ในการรักษาเอกราชอธิปไตย และความมั่นคงของชาติทางทะเล ทั้งนี้จากกรณีการตรวจพบสิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยในทะเลหรือ Seasteading บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต เมื่อ ๑๒ เม.ย.๖๒ ที่ผ่านมา
โดยในเบื้องต้นตามที่ปรากฏ ข้อมูลข่าวสารทราบว่าเป็นของชาวต่างชาติที่ต้องการตั้งถิ่นฐานถาวรกลางทะเลนอกเขต อานาจอธิปไตยของรัฐต่างๆ โดยพยายามอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายมาดำเนินการ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยเป็นอย่างมากที่กลุ่มคนดังกล่าว จะเข้ามาตั้งถิ่นฐานโดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งจะส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ และผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างมหาศาล
สำหรับพื้นที่ที่ตรวจพบสิ่งก่อสร้าง นั้น ยังอยู่ในเขตพื้นที่บริเวณเขตต่อเนื่อง (ในเขต ๒๔ ไมล์ทะเลจากฝั่ง) ที่ประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่ง ยังมีสิทธิผลประโยชน์ ที่จะแสวงหาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เช่น การทำการประมง การดำเนินการด้านศุลกากร เป็นต้น
ทั้งนี้หากผู้ใดจะมาดำเนินการสร้างสิ่งก่อสร้างในเขตพื้นที่ดังกล่าว จะต้องมีการขออนุญาตรัฐชายฝั่ง โดยกลุ่มคนดังกล่าว มิได้มีการดำเนินการขออนุญาต ต่อทางการของประเทศไทยแต่อย่างใด รวมทั้งยังมีการเชิญชวนให้กลุ่มคนที่มีความสนใจ ที่จะเข้ามาพักหรือสร้างสิ่งก่อสร้างเข้ามาใช้บริการได้
ซึ่งจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แสดงออกถึงความไม่เคารพกฎหมายหรือไม่สนใจประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่งแต่อย่างใด
จากเหตุผลและความจำเป็นตามที่กล่าวมาในข้างต้น กองทัพเรือ จึงมีความจำเป็น ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการบังคับ ใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินการจัดการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าว ขยายวงกว้างและยากที่จะแก้ไข รวมทั้งแสดงถึงการมีสิทธิของรัฐชายฝั่งที่ต้องปกป้องรักษา ผลประโยชน์ของชาติให้ดำรงคงอยู่ ผู้ใดจะมาละเมิดมิได้
ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่
กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ ๓ จึงขอให้พี่น้องประชาชน มีความมั่นใจในการปฏิบัติ หน้าที่ของกองทัพเรือ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงและ ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่จะไม่ยอมให้ใครมาแสวงหาผลประโยชน์และให้ดำรงคงอยู่ ของประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบเห็นความเคลื่อนไหวหรือสิ่งบอกเหตุ ที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ สามารถแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ ทัพเรือภาคที่ ๓ ทางหมายเลข ๐๗๖ ๓๙๑ ๕๙๘ หรือสายด่วน ๑๖๙๖ ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
“กองทัพเรือกับการรักษาเอกราช และอธิปไตย ของชาติทางทะเล”.กองทัพเรือ มีหน้าที่ในการรักษาเอกราชอธิปไตย และความมั่นคงของชาติทางทะเล ทั้งนี้จากกรณีการตรวจพบสิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยในทะเลหรือ Seasteading บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต เมื่อ ๑๒ เม.ย.๖๒ ที่ผ่านมา .โดยในเบื้องต้นตามที่ปรากฏ ข้อมูลข่าวสารทราบว่าเป็นของชาวต่างชาติที่ต้องการตั้งถิ่นฐานถาวรกลางทะเลนอกเขต อานาจอธิปไตยของรัฐต่างๆ โดยพยายามอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายมาดำเนินการ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยเป็นอย่างมากที่กลุ่มคนดังกล่าว จะเข้ามาตั้งถิ่นฐานโดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งจะส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ และผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างมหาศาล.สำหรับพื้นที่ที่ตรวจพบสิ่งก่อสร้าง นั้น ยังอยู่ในเขตพื้นที่บริเวณเขตต่อเนื่อง (ในเขต ๒๔ ไมล์ทะเลจากฝั่ง) ที่ประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่ง ยังมีสิทธิผลประโยชน์ ที่จะแสวงหาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เช่น การทำการประมง การดำเนินการด้านศุลกากร เป็นต้น.ทั้งนี้หากผู้ใดจะมาดำเนินการสร้างสิ่งก่อสร้างในเขตพื้นที่ดังกล่าว จะต้องมีการขออนุญาตรัฐชายฝั่ง โดยกลุ่มคนดังกล่าว มิได้มีการดำเนินการขออนุญาต ต่อทางการของประเทศไทยแต่อย่างใด รวมทั้งยังมีการเชิญชวนให้กลุ่มคนที่มีความสนใจ ที่จะเข้ามาพักหรือสร้างสิ่งก่อสร้างเข้ามาใช้บริการได้ .ซึ่งจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แสดงออกถึงความไม่เคารพกฎหมายหรือไม่สนใจประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่งแต่อย่างใด.จากเหตุผลและความจำเป็นตามที่กล่าวมาในข้างต้น กองทัพเรือ จึงมีความจำเป็น ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการบังคับ ใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินการจัดการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าว ขยายวงกว้างและยากที่จะแก้ไข รวมทั้งแสดงถึงการมีสิทธิของรัฐชายฝั่งที่ต้องปกป้องรักษา ผลประโยชน์ของชาติให้ดำรงคงอยู่ ผู้ใดจะมาละเมิดมิได้.กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ ๓ จึงขอให้พี่น้องประชาชน มีความมั่นใจในการปฏิบัติ หน้าที่ของกองทัพเรือ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงและ ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่จะไม่ยอมให้ใครมาแสวงหาผลประโยชน์และให้ดำรงคงอยู่ ของประเทศชาติต่อไป .ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบเห็นความเคลื่อนไหวหรือสิ่งบอกเหตุ ที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ สามารถแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ ทัพเรือภาคที่ ๓ ทางหมายเลข ๐๗๖ ๓๙๑ ๕๙๘ หรือสายด่วน ๑๖๙๖ ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
โพสต์โดย กองทัพเรือ Royal Thai Navy เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2019
ทั้งนี้ยังโพสต์ข้อความ พร้อมคลิป โดยระบุว่า
“กฎหมายรัฐชายฝั่ง”
การตรวจพบสิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยในทะเลหรือ Seasteading บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ปรากฏว่าสิ่งก่อสร้าง นั้น ยังอยู่ในเขตพื้นที่บริเวณเขตต่อเนื่อง (ในเขต ๒๔ ไมล์ทะเลจากฝั่ง) ที่ประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่ง ยังมีสิทธิผลประโยชน์ ที่จะแสวงหาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เช่น การทำการประมง การดำเนินการด้านศุลกากร เป็นต้น
.
ทั้งนี้หากผู้ใดจะมาดำเนินการสร้างสิ่งก่อสร้างในเขตพื้นที่ดังกล่าว จะต้องมีการขออนุญาตรัฐชายฝั่ง โดยกลุ่มคนดังกล่าว มิได้มีการดำเนินการขออนุญาต ต่อทางการของประเทศไทยแต่อย่างใด รวมทั้งยังมีการเชิญชวนให้กลุ่มคนที่มีความสนใจ ที่จะเข้ามาพักหรือสร้างสิ่งก่อสร้างเข้ามาใช้บริการได้
.
ซึ่งจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แสดงออกถึงความไม่เคารพกฎหมายหรือไม่สนใจประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่งแต่อย่างใด
.
จากเหตุผลและความจำเป็นตามที่กล่าวมาในข้างต้น กองทัพเรือ จึงมีความจำเป็น ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการบังคับ ใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินการจัดการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าว ขยายวงกว้างและยากที่จะแก้ไข รวมทั้งแสดงถึงการมีสิทธิของรัฐชายฝั่งที่ต้องปกป้องรักษา ผลประโยชน์ของชาติให้ดำรงคงอยู่ ผู้ใดจะมาละเมิดมิได้
"กฎหมายรัฐชายฝั่ง"การตรวจพบสิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยในทะเลหรือ Seasteading บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ปรากฏว่าสิ่งก่อสร้าง นั้น ยังอยู่ในเขตพื้นที่บริเวณเขตต่อเนื่อง (ในเขต ๒๔ ไมล์ทะเลจากฝั่ง) ที่ประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่ง ยังมีสิทธิผลประโยชน์ ที่จะแสวงหาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เช่น การทำการประมง การดำเนินการด้านศุลกากร เป็นต้น.ทั้งนี้หากผู้ใดจะมาดำเนินการสร้างสิ่งก่อสร้างในเขตพื้นที่ดังกล่าว จะต้องมีการขออนุญาตรัฐชายฝั่ง โดยกลุ่มคนดังกล่าว มิได้มีการดำเนินการขออนุญาต ต่อทางการของประเทศไทยแต่อย่างใด รวมทั้งยังมีการเชิญชวนให้กลุ่มคนที่มีความสนใจ ที่จะเข้ามาพักหรือสร้างสิ่งก่อสร้างเข้ามาใช้บริการได้ .ซึ่งจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แสดงออกถึงความไม่เคารพกฎหมายหรือไม่สนใจประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่งแต่อย่างใด.จากเหตุผลและความจำเป็นตามที่กล่าวมาในข้างต้น กองทัพเรือ จึงมีความจำเป็น ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการบังคับ ใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินการจัดการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าว ขยายวงกว้างและยากที่จะแก้ไข รวมทั้งแสดงถึงการมีสิทธิของรัฐชายฝั่งที่ต้องปกป้องรักษา ผลประโยชน์ของชาติให้ดำรงคงอยู่ ผู้ใดจะมาละเมิดมิได้
โพสต์โดย กองทัพเรือ Royal Thai Navy เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2019