ผู้อ่านคงคุ้นเคยกับอาชีพนักหิ้วสินค้าSALE หรือการรับจ้างไปต่อคิวซื้อสินค้าพิเศษ อันเกิดจากสินค้าดังกล่าวมีความต้องการสูง หรือคนที่อยากได้อยู่ห่างไกล มีความยากลำบากด้านการเดินทาง ก็จะมีอาชีพนี้เกิดขึ้น
ล่าสุดจากกรณีที่รัฐบาลมีโครงการให้เงินประชาชนคนละหนึ่งพันบาท ในการไปซื้อของ จับจ่ายให้สอย เดินทางท่องเที่ยว โดยมีเงื่อนไขว่า สถานที่ใช้เงิน ต้องไม่ใช่จังหวัดที่อยู่ในบัตรประชาชน หรือที่เรียกว่าโครงการชิมช้อปใช้
ในเฟสแรกปิดตัวลงอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้ามาลงทะเบียนและใช้สิทธิกันอย่างมากมาย แต่ก็มีหลายคนลงทะเบียนสำเร็จ แต่ไม่มาใช้สิทธิ ล่าสุดจึงมีเฟสสอง ให้สิทธิเพิ่มเติม
สำหรับการใช้สิทธิ ประชาชน ต้องลงทะเบียนก่อน โดยใช้บัตรประชาชน และตัวเลขประจำบัตร ในการลงทะเบียน 1 บัตร หรือ 1 คน ใช้ได้เพียง 1 สิทธิ์เท่านั้น ก็จะรับเงินเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้จ่ายผ่านการสแกนบาโค๊ดของแอพลิเคชั่น จนกว่ายอดเงินจะหมด
โดยหลังจากเริ่มโครงการดังกล่าว ก็พบเจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งปัญหาแอพลิเคชั่นล่ม หรือระบบของห้าง ร้านพังล่ม จนเกิดภาพประชาชนพากันทิ้งสินค้าเกลื่อนจุดชำระเงิน รวมถึงปัญหาการลงทะเบียนค่อนข้างยาก ไม่สำเร็จในหลายครั้ง แม้แต่ขั้นตอนสแกนหน้า ก็ยังเกิดปัญหาระบบไม่ตอบรับ เพราะหน้าไม่เหมือนในบัตร
ล่าสุด มีรายงานว่า จากกรณีการเปิดให้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ต่อเนื่องนั้น ได้เกิดปรากฎการณ์การเข้าไปรับจ้างลงทะเบียน หลังมีคนจำนวนมาก ลงทะเบียนไม่สำเร็จ รวมถึงกังวลว่าอาจไม่สามารถลงทะเบียนได้สำเร็จ ไปโพสต์ประกาศรับจ้างลงทะเบียน รวมถึง ประกาศหาผู้รับจ้างลงทะเบียนจำนวนมาก
สำหรับวิธีการดังกล่าว มีตั้งแต่การรับลงทะเบียน โดยคิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 50-100 บาท ต่อ 1 บัญชี โดย ตัวอย่าง รายแรก ใช้วิธีโอนทางพร้อมเพย์ มีเงื่อนไขการใช้บริการ ขอแค่ตัวเลขหน้าและหลังเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องถ่ายบัตรประชาชนมาให้ หลังจากนั้นก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากว่า สนใจและทักไปเพื่อขอรับบริการดังกล่าว
จากนั้นผู้รับจ้างดังกล่าวก็เริ่มแข่งกันลดราคาหลัง พบว่ามีผู้สนใจรับบริการเป็นจำนวนมาก มีการตัดราคากัน รับลงทะเบียน เพียง 50 บาท ขณะที่บางราย มีเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น คิดแค่ 50 บาท ต่อบัญชี จะไม่คิดเงินก่อน จนว่าจะผ่าน ค่อยจ่ายเงิน เป็นต้น
มากกว่านั้น ยังมีการหลอกลวง โดยการลงประกาศขายลิงก์ ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ เพราะการลงทะเบียนมีเพียงลิงค์เดียวทั่วประเทศ
นับเป็นอีกปัญหาที่เกิดขึ้น จากการใช้ช่องว่างดังกล่าว เข้ามาหารายได้จากโครงการชิมช้อปใช้ ที่น่ากังวลคืออาจมีการนำข้อมูลสำคัญอย่างเลขบัตรประชาชนและเลขประจำบัตรด้านหลังไปทำสิ่งไม่ดี เอาไปทำธุรกรรมอื่นๆ โดยผู้ที่หลงเข้าไปใช้บริการ คาดไม่ถึง
หวังว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะหามาตรการมาอุดช่องว่างดังกล่าวต่อไปในอนาคต
