ด้วยความสวยเป็นเอกลักษณ์ และตอบคำถามได้อย่างเฉียบขาด ทำให้ น้ำ-พัชรพร จันทรประดิษฐ์ สามารถคว้ามงกุฎ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2020 ไปครอง
โดยคำถามของคณะกรรมการ รอบ 5 คนสุดท้าย ซึ่งเกี่ยวกับการเมือง มีอยู่ว่า จากการชุมนุมในขณะนี้ที่ส่อเค้าความรุนแรง หากได้พูดอยากพูดกับฝ่ายชุมนุม หรือฝ่ายรัฐบาล และอยากพูดว่าอะไรเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
น้ำ พัชรพร ตอบว่า จากใจนะคะ ขอเลือกฝ่ายชุมนุมค่ะ เพราะว่าเรามีสิทธิมีเสียงแสดงความคิดเห็น เราอยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ประเทศชาติของเรา มากกว่านั้น อยากบอกกับรัฐบาลว่า If you calling this country as the THAILAND, We need the real democracy, and moreover, we need you to get out of the country.
ข้อความตอนท้ายแปลได้ว่า ถ้าคุณเรียกประเทศนี้ว่าประเทศไทย เราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง และมากกว่านั้น เราต้องการให้คุณออกไปจากประเทศซะ
กรณีนี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีการประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า เวทีมิสแกรนด์ชัดเจนเรื่องความทันสมัย ไม่ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นเราสามารถนำมาเป็นคำถามได้ การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนเลี่ยงการเมืองไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
“คำตอบของมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ คนล่าสุด เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ถือว่ารุนแรงจนเกินพิกัด การพูดว่าให้ฟัง ถ้าเราอยู่กันแบบประชาธิปไตย ไม่งั้นให้ออกไป เป็นเรื่องที่เขาพูดได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และสิทธิในการพูดในที่สาธารณะโดยอยู่ในขอบเขต” ณวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในโลกที่มีทั้งชอบรักและคนเกลียด คนที่ชอบและคนที่ไม่ชอบ จึงมีแฟนนางงามใน กลุ่ม กปปส. แสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตา รวมทั้งสีผิวของ “น้ำ พัชรพร” อย่างดุเดือด ทว่าก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ออกมาให้กำลังใจ “น้ำ พัชรพร” พร้อมเสนอความคิดเห็นที่เปิดกว้างของนิยามคำว่า “สวย” ของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้ เมื่อสืบค้นข้อมูลที่ dtac blog ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและการทดลอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการกลั่นแกล้งของสังคมไทยที่มีความเกี่ยวข้อง และยึดโยงกับค่านิยม และการยอมรับของสังคมไทยมาอย่างช้านาน และดีแทคได้ร่วมมือกับคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า บูลลี่ คือรูปแบบหนึ่งของการใช้อำนาจ ข่มขู่ หรือละเมิดคนอื่น โดยที่ผู้กระทำไม่ต้องรับผิดชอบ
การบูลลี่มีส่วนผสมทางพฤติกรรม 2 ประการ หนึ่งคือ การกลั่นแกล้ง ในบริบทไทย เวลาที่ใครพูดถึงการแกล้ง มักจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ยิ่งสนิท ยิ่งแกล้งกันได้มากขึ้น ขณะที่อีกส่วนผสมคือ การรังแก การใช้อำนาจที่เราไปใช้ต่อผู้อื่น และเราไม่ต้องรับผิดชอบ พอเราถูกจับได้ก็ออกมาขอโทษ และสังคมไทยก็เป็นสังคมแห่งการให้อภัย เพราะถ้าไม่ให้อภัยก็จะถูกคนต่อว่า เพราะฉะนั้นเวลาที่มีการบูลลี่ในสังคมไทย เราจะไม่ค่อยรู้สึกและนั่นทำให้ถูกกลืนไปจนเป็นวัฒนธรรมของความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมาสู่โลกของการแกล้ง และวัฒนธรรมการให้อภัยที่เวลาคนโกรธก็จะต้องให้อภัยและก็จะต้องจบกันไป
ย้อนอ่าน : น้ำ มิสแกรนด์ฯ เผยเป็นคนจริงใจ ไม่เฟค หลังตอบเลือกฝ่ายชุมนุม ณวัฒน์ เปิดที่มาคำถาม การเมืองกับนางงาม
– เปลือยวัฒนธรรม “บูลลี่” ของไทย ปัญหาที่เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง
