ผศ.ดร.ธรณ์ ไขที่มา ‘โครงกระดูกวาฬ’ บ้านแพ้ว เผยในอดีตเคยเป็นชายฝั่ง อาจมีวาฬเกยตื้นแล้วโดนทับถม

ภาพจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

สืบเนื่องจากมีการค้นพบกระดูกวาฬที่ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ยังไม่ทราบสายพันธุ์ พบส่วนกระดูกสันหลัง (Vertebrate) 5 ชิ้น มีขนาดใหญ่ โดยโครงกระดูกที่พบลึกลงไปจากผิวดินกว่า 6 เมตรนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวผ่านทาง เฟซบุ๊ก ว่ามีการขุดพบกระดูกวาฬไม่ทราบชนิดที่อำเภอบ้านแพ้ว สมุทรสาคร ห่างจากชายฝั่ง 15 กม. จึงมาเล่าแบบสั้นๆ ให้เพื่อนธรณ์ฟังว่าเป็นไปได้ไง? ขอเริ่มจากโลกเรา อุณหภูมิแกว่งตลอด เมื่อประมาณ 1 แสน-1 หมื่นปีก่อน เราอยู่ในยุคน้ำแข็งยุคสุดท้าย (LGP-last glacial period) ยุคนั้นน้ำทะเลลดต่ำ แผ่นดินโผล่พ้นน้ำเชื่อมต่อกัน จากไทยเดินไปเกาะบอร์เนียวสบายๆ เกาะบอร์เนียวมีช้างด้วยเหตุนี้ แต่เมื่อหมื่นปีเศษ อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นฉับพลัน นักวิทยาศาสตร์คาดว่าก๊าซมีเทนใต้พื้นทะเลหลุดมา ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและโลกร้อน (เป็นปรากฏการณ์ที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะเกิดอีกครั้งในปัจจุบัน เพราะเริ่มพบสัญญาณจากธรรมชาติ) น้ำแข็งละลายแบบต่อเนื่อง ทำให้น้ำสูงขึ้น ทะเลยึดแผ่นดินคืน และยึดคืนจนเลยกรุงเทพฯขึ้นไป ทะเลเมื่อ 5,000 ปีก่อน ท่วมไปจนถึงลพบุรี จากนั้นน้ำค่อยๆ ลดระดับในยุค little ice age เมื่อ 1-2 พันปีก่อน ทะเลถอยไปอีกครั้ง และถอยไปเรื่อยๆ จนเริ่มเสถียร ก่อนจะเพิ่มอีกครั้งในยุคโลกร้อนครั้งใหม่

ผศ.ดร.ธรณ์กล่าวว่า ในช่วงพันปีถึงหลายร้อยปีก่อน อำเภอบ้านแพ้วเคยเป็นชายฝั่ง ช่วงนั้นอาจมีวาฬเกยตื้น ดินตะกอนจากแม่น้ำ ฯลฯ ทับถมซากวาฬลงไป และฝังไว้อย่างนั้น จนถูกขุดเจออีกครั้งเมื่อวาน ตอนนี้กรมทะเลกำลังพิสูจน์ชนิด ซึ่งน่าจะเป็นชนิดที่พบในปัจจุบันในอ่าวไทย ดูจากขนาดแล้ว อาจเป็นวาฬบรูด้า (ไม่ฟันธงนะจ๊ะ) ลองตามข่าวกันต่อไป หากมีอะไรน่าสนใจ จะนำมาบอกเพื่อนธรณ์ครับ หมายเหตุ วาฬและโลมาทุกชนิดเป็นสัตว์สงวน/คุ้มครอง รวมถึงซาก/กระดูก หากเจอ ไม่ว่าแบบไหนที่ใด รีบแจ้งกรมทะเลทันที การนำไปขาย เก็บไว้โชว์ ฯลฯ ผิด กม. ถ้าบรูด้า/โอมูระ ปรับ 3 แสน-1.5 ล้าน จำคุก 3-15 ปี ถ้าชนิดอื่นๆ ปรับไม่เกิน 1 ล้าน จำคุกไม่เกิน 10 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image