หมอยกเป็นบทเรียน ตร.ป่วยมะเร็งกล้ามเนื้อขา ไม่รักษาพึ่งหมอเป่า สุดท้ายลามปอด

หมอยกเป็นบทเรียน ตร.ป่วยมะเร็งกล้ามเนื้อขา ไม่รักษาพึ่งหมอเป่า สุดท้ายลามปอด

เมื่อวันที่ 28 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊กหมอโรคปอด และทางเดินหายใจ: หมอวินัย ออกมาโพสต์ข้อความว่า ตำรวจ 59 ปฏิเสธการรักษามะเร็งกล้ามเนื้อขา หวังพึ่งหมอเป่า.. ผ่านไป3ปี..
ลูกสาวพามาปรึกษาด้วยเรื่อง #เหนื่อยมากขึ้น ระยะหลังน้ำหนักลดหน้าบวม.. ตำรวจท่านนี้เคยผ่าตัดชิ้นเนื้อที่ขาซ้ายสามปีที่แล้วผลวินิจฉัยว่าเป็น #มะเร็งกล้ามเนื้อ ( รูปที่ 2)

เมื่อย้อนกลับไปถามว่าทำไมถึงตัดสินใจไม่ยอมรักษาสามปีที่แล้ว เหตุผลที่ได้คือ 1. ฟังหมอแล้วหมดกำลังใจเพราะหมอบอกว่าอยู่ได้แค่สามปี 2. ภรรยาบอกหมอพูดตรงไปผู้ป่วยรับไม่ได้
3. ผู้ป่วยคิดว่าถ้าอยู่ได้สามปีขอใช้ชีวิตที่เหลือแบบสบายๆ 4. ที่บ้านยังมีความเชื่อเรื่องหมอทางเลือกอยู่เช่นกรณีนี้มีการพึ่งพาหมอเป่า

สามปีผ่านไปอาการทรุดลงมีเหนื่อยมากขึ้นผอมลงกินไม่ได้ไอตลอดเวลา เริ่มมี #ไอเป็นเลือด ตรวจร่างกายเบื้องต้น พบภาวะทึบเสียงบริเวณปอดขวาครึ่งซีก เอ็กซเรย์ปอด พบปอดข้างขวาทึบเกินครึ่ง ซีทีสแกนปอด พบก้อนกระจายทั่วปอดด้านขวาและลุกลามเข้ามาในหลอดลม ส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อ พบภาวะลักษณะก้อนแดงกระจายในหลอดลม ซึ่งมีเลือดออกง่ายหลังจากการตัดชิ้นเนื้อ

Advertisement

สรุป มะเร็งกล้ามเนื้อกระจายมาที่ปอด กรณีแบบนี้เราเจอกันไม่น้อย ซึ่งขอไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับแพทย์ทางเลือก แต่สิ่งที่จะเปิดประเด็นให้เราคิดและแนวทางในการตัดสินมีประมาณนี้ครับ

เมื่อไหร่ที่แพทย์วินิจฉัยว่าเราเป็นมะเร็งสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณคือ

1. จิตตก ซึ่งเป็นเรื่องปกติคนไข้สถานการณ์นี้นะครับ

Advertisement

2. อยากให้ตั้งสติซักแป๊บแล้วคุยกับแพทย์ให้เคลียร์ว่า..

3. มะเร็งนี้มีโอกาสรักษาสำเร็จ ประมาณกี่% อยู่ได้อีกกี่ปีหลังจากรักษา ถ้าไม่รักษาเลยจะอยู่ได้กี่ปี

4. ระหว่างรักษามีผลแทรกซ้อนอะไรที่ทำให้รบกวนคุณภาพชีวิตไหม ถ้ามีมากน้อยแค่ไหน

5. มะเร็งนี้ตอบสนองดีต่อการรักษาไหม (อย่าลืมนะครับเดี๋ยวนี้อย่าทางด้านมะเรงพัฒนาไปเยอะมากผลแทรกซ้อนน้อยลงเรื่อยๆคุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้นเรื่อยๆ)

6. ถามหมอเลยว่าสภาพร่างกายอายุแบบนี้โรคประจำตัวแบบนี้คุ้มไหมที่จะเดินหน้าต่อ ประสบการณ์ของหมอคิดว่าควรจะทำใจหรือสู้ต่อไป ( ผมเชื่อว่าหมอคงจะช่วยเราเคลียร์ตรงนี้ได้ดีมาก)

7. ลูกหลานควรจะอยู่ด้วยเวลาคุยกับหมอ อย่าลืมนะครับผู้ป่วยอยู่ในสภาพจิตตก ฟังหมอแล้วอาจจะรวบประเด็นได้ไม่หมด หรือมีอารมณ์ร่วมเยอะ ( emotional decision Not Informational decision making ) ดังนั้นมีโอกาสที่จะตัดสินใจบนพื้นฐานอารมณ์มากกว่าข้อมูลสูง ลูกหลานจะมีบทบาทอย่างยิ่งในการช่วยควบคุมสถานการณ์

8. หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดแล้วถ้าคิดว่าขอคิดดูก่อนก็ดีครับนัดแพทย์ใหม่ซักอาทิตย์นึงแล้วกลับไปใหม่ ระหว่างกลับบ้านก็ทำการบ้าน ตั้งสติ สอบถามเพื่อนบ้านที่มีประสบการณ์ (ไม่เอาข่าวลือนะ ) เน้นถามผู้ป่วยที่เคยรักษาโดยตรงจะดีมาก

9. หารเสริมอาหารบำรุงที่โฆษณากันมากมาย ( เกินจริง ) ราคาก็แพง .. แนะนำเก็บเงินไว้ก่อน อย่าพึ่งหมดตัวไปกับโปรโมชั่นซื้อสามแถมหนึ่งทั้งหลาย อย่าลืมว่าระหว่างทางนี้ต้องใช้เงินเยอะ

ตำรวจท่านนี้ผมก็คงเป็นกำลังใจให้แกกลับมาลุกขึ้นสู้ใหม่เพราะมะเร็งชนิดนี้หมอมะเร็งบอกว่าตอบสนองดีต่อการรักษาดังนั้นควรจะให้โอกาสตนเอง

สิ่งที่ผมเสียดายคือเมื่อย้อนกลับไปดูเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ซีทีสแกนสามปีที่แล้ว ( รูปที่หนึ่ง) ก้อนที่ปอดด้านขวาบนยังเล็กอยู่เลย

ขอให้กรณีตัวอย่างนี้เป็นบทเรียนในการปรับแนวความคิด mindset ของเราคนไทยทุกคนนะครับ .. ย้ำนะครับบทบาทของลูกหลานในการดูแลผู้สูงอายุมีความสำคัญมาก

 

ขอบคุณภาพ เพจเฟซบุ๊กหมอโรคปอด และทางเดินหายใจ: หมอวินัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image