สรุปปม #ริมน้ำ วิจารณ์หนัก กันไฟเซอร์ฉีดทำวิจัย แต่แพทย์ด่านหน้าให้ฉีดแอสตร้าฯ

สรุปปม #ริมน้ำ วิจารณ์หนัก กันไฟเซอร์ฉีดทำวิจัย แต่แพทย์ด่านหน้าให้ฉีดแอสตร้าฯ

นับเป็นอีกแท็กหนึ่งในโลกออนไลน์ ที่ชาวเน็ตให้ความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในช่วงเวลาวิกฤตโควิด ที่แต่ละวันมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉียดหมื่น และมีคนเสียชีวิตเกือบแตะหลักร้อยเข้าไปทุกที แต่สถานการณ์วัคซีนของประเทศไทย ยังคงขาดแคลน ซึ่ง #ริมน้ำ นั้น ได้มีเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ ได้ออกมาเปิดเผยความจริง ด้านการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ที่เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ฉีดเป็นบูสเตอร์ให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ประเด็นดังกล่าวนั้น ได้มีการเปิดห้องในคลับเฮาส์ เพื่อร่วมวิพากษ์วิจารณ์ โดยหมอตั้ม มาสเตอร์เชฟ หรือ นพ. ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข ได้นำมาสรุปประเด็นไว้ดังนี้

“สรุปสั้นๆ สำหรับคนอ่านดราม่า #ริมน้ำ แล้วไม่เข้าใจ เดี๋ยวย่อให้ฟัง

1. ตามมติของ ศบค. มีการอนุมัติให้ Pfizer ฉีดกระตุ้นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นเข็มที่ 3

Advertisement

2. มีการเปิดเผยข้อมูลจากอาจารย์ #ริมน้ำ ว่ามีการทำวิจัยโดยใช้ Pf เทียบกับ Az เป็นเข็มกระตุ้น โดนตนเองเสียสละเป็นกลุ่ม Pf

3. เริ่มมีการตั้งข้อสงสัยว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนใกล้ชิดหรือไม่ เพราะการประกาศรับสมัครในกลุ่มเล็กๆ และพอเปิดเผยข้อมูลออกมา กลุ่ม Pf ได้รับการจองเต็มแล้ว

4. มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับจริยธรรมทางการแพทย์ เพราะทราบอยู่แล้วว่า mRNA vaccine ดีกว่า viral vecter

Advertisement

สมมติง่ายๆคือ สมมติว่าทำการทดลองเทียบยาลดความดัน Enalapril เทียบกับ Furosemide ซึ่งรู้แล้วว่า furosemide ลดความดันไม่ได้ แถม side effect กระจุยกระจาย อันนี้คือว่างานวิจัยนอกจากไม่สร้างประโยชน์ ยังทำให้โทษและทำให้ผู้ร่วมวิจัยเสียโอกาส อันนี้ไม่ผ่านงานวิจัยแน่นอน

5. อีกคำถามนึงคือ ทำไมถึงมีการจองตัวเอง และเลือกกลุ่มได้ ทั้งๆที่งานวิจัยในปัจจุบัน จะยอมรับการ blind ผู้ทำงานวิจัย และผู้เข้าร่วมวิจัยถ้าทำได้ จึงมีคำถามตามมาว่า จุดประสงค์จริงๆคือจะทำวิจัยจริงๆ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่มกันแน่ (เพราะรู้กันแค่วงแคบ และ Pf เต็มแล้ว)

6 มีการทะยอยฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าแล้ว แต่เป็นตัว “Az”
(ทั้งๆที่ตอนแรกแจ้งว่าจะใช้งานวิจัยนี้ให้การตีพิมพ์ว่า ยาไหนกระตุ้นได้ดีกว่า)

สุดท้ายนี้มั่นใจว่าสถาบัน #ริมน้ำ เป็นสถาบันที่สอนเรื่องจริยธรรมทางการแพทย์เข้มข้นมากๆ แต่พอเห็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น กลับไม่มีตัวอย่างดีๆให้แพทย์รุ่นหลังได้เห็นเป็นตัวอย่างเลย

Action speaks louder than words”

ทั้งนี้ โลกออนไลน์ยังมีการนำโพสต์ในเฟซบุ๊กของหมอเด็กรายหนึ่ง ที่ได้เปิดเผยว่าได้เป็นอาสาสมัครวิจัยฉีดไฟเซอร์นี้ด้วย โดยว่าเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ต้องยอมรับความเสี่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น หลายคนมองว่าไม่จำเป็นต้องมีการทำวิจัยใดๆ เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าวัคซีน mRNA นั้น มีประสิทธิภาพเช่นไรและมีผลวิจัยทั่วโลก และมองว่าหากเป็นการเสียสละนั้น คนไทยจำนวนมากก็อยากเสียสละทดลองฉีดไฟเซอร์เช่นกัน

มากไปกว่านั้น ยังมองว่า วัคซีนดังกล่าวควรจะให้กับแพทย์ด่านหน้า ที่ต้องรักษาผู้ป่วยโควิดทุกวันดีกว่าหรือไม่ และกลุ่มแพทย์เหล่านี้ คือผู้ที่ได้เรียกร้องให้นำเอาอ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทย

ขณะที่ วิโรจน์ ลักขณาดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ออกมาทวิตในประเด็นดังกล่าวว่า การจัดสรรวัคซีน Pfizer ที่ได้รับบริจาคมา ต้องมีความโปร่งใส ต้องให้ความสำคัญกับบุคลากรด่านหน้า และกลุ่มเสี่ยง เป็นอันดับแรก

การนำไปทำวิจัย ต้องเปิดเผยโครงการวิจัย และเปิดรับอาสาสมัครอย่างโปร่งใส มีการรายงานผลการวิจัยให้สาธารณชนทราบอย่างต่อเนื่อง

หากมีการนำเอา Pfizer ที่ได้รับบริจาคมา มาทำวิจัย ผมคิดว่า ควรจะเปิดเผยโครงการวิจัย เปิดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มอาสาสมัคร ให้โปร่งใส

มีการชี้แจงว่า กลุ่มอาสาสมัคร นั้นประกอบไปด้วยบุคลากรกลุ่มใด จำนวนเท่าไหร่ ใช้วัคซีนในการวิจัยกี่โดส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image