ประหยัดพลังงาน-ฝ่าวิกฤตช่วยชาติง่ายๆ เริ่มต้นได้ด้วยมือเรา

หลังมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19 ในหลายประเทศผ่อนคลายลง รวมทั้งประเทศไทยที่อยู่ระหว่างการผลักดันให้เป็นโรคประจำถิ่น ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น

ไม่เพียงแค่นั้นยังมีวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนซ้ำเติม ทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกผันผวนและดีดขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์

ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จึงถือโอกาสนี้ขอความร่วมมือภาคประชาชน เพื่อร่วมแรงร่วมใจประหยัดพลังงานช่วยชาติฝ่าวิกฤตพลังงานให้จงได้

เพราะการประหยัดพลังงานมีประโยชน์หลายประการ ทั้งต่อประเทศ และต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน ทั้งช่วยลดรายจ่ายของครอบครัว ลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนพลังงานของประเทศ ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคการผลิตไฟฟ้าที่ต้นทุนส่วนใหญ่คือค่าเชื้อเพลิง

Advertisement

ดังนั้นหากคนไทยสมัครสมานสามัคคีช่วยกัน ก็จะสามารถช่วยชาติประหยัดพลังงานได้มหาศาล

ทั้งนี้ในยามเกิดวิกฤตพลังงาน มีวิธีการประหยัดพลังงานที่สามารถทำได้ง่ายๆ และเริ่มทำได้ทันทีหลายวิธี ทั้งการเปลี่ยนนิสัย ลด ละ เลิก สิ้นเปลืองพลังงาน เช่น ปิดสวิตซ์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีเมื่อเลิกใช้งาน ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นหรือไม่ต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส ล้างเครื่องปรับอากาศเป็นประจำทุก 6 เดือน ซักผ้าหรือรีดผ้าครั้งละมากๆ ไม่ใส่ของแน่นตู้เย็นมากเกินไป และลดการเปิด-ปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้นานเกินความจำเป็น

Advertisement

ต่อมา หมั่นดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่เสมอ และหากจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใหม่ ควรเลือกเฉพาะเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงในการประหยัดไฟ โดยเลือกจากฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาวเป็นหลัก

ผลการศึกษาของฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้าและกิจการสังคม กฟผ. พบว่า หากเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว แทนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีฉลากประหยัดไฟฟ้า และทำตามวิธีประหยัดไฟฟ้าข้างต้นจะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้มากถึง 9,776.27 บาทต่อปี

ไม่เพียงแค่นั้น หน่วยงานภาครัฐยังไม่ปล่อยให้ประชาชนประหยัดไฟอย่างเดียวดาย แต่นำนโยบายลดใช้พลังงานในองค์กรไปปรับใช้ด้วย เช่น กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ที่กำหนดมาตรการลดใช้พลังงานด้วยการสนับสนุนการประชุมออนไลน์ สนับสนุนการ Work From Home และมีการอบรมล้างแอร์ด้วยตัวเองให้กับบุคลากร

ขณะที่ กฟผ. ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานในสำนักงานลงร้อยละ 20 ด้วยมาตรการควบคุมระบบแสงสว่างในอาคารโดยตั้งเวลาและติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมกำหนดเวลาปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงพักกลางวันและก่อนเวลาเลิกงานอย่างน้อย 30-60 นาที และรณรงค์ให้พนักงานสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

วิกฤตราคาพลังงานทั่วโลกอาจยังไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้นในเร็ววัน แต่หากทุกคนร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันประหยัดพลังงานคนละไม้คนละมือ วิกฤตการณ์ที่เลวร้ายก็จะคลี่คลายรวดเร็วขึ้นอย่างแน่นอน

#SaveEnergyforALL #ร่วมใจประหยัดพลังงานผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image