นายกสมาคมแพทย์นิติเวชฯ แจงชัดกัญชาติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่หลายเท่าจริงหรือไม่ ชี้อ้างงานวิจัยชิ้นเดียวไม่ได้

นายกสมาคมแพทย์นิติเวชฯ แจงชัดกัญชาติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่หลายเท่าจริงหรือไม่ ชี้อ้างงานวิจัยชิ้นเดียวไม่ได้

นายแพทย์สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Smith Fa Srisont โดยระบุว่า “กัญชาติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่หลายเท่า” เป็นคำพูดที่หลายคนมักอ้าง โดยคนที่พูดมักจะอ้างจากงานวิจัย https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/PMC…/pdf/nihms-258354.pdf

ซึ่งงานวิจัยนี้เก็บข้อมูลกลุ่มประชากรของอเมริกาเมื่อ 17-21 ปีก่อน ซึ่งถ้าอ่านเฉพาะบทคัดย่อของงานวิจัยนี้จะสรุปได้ว่า “หลังจากมีการใช้บุหรี่ เหล้า กัญชาครั้งแรก จะมี%คนที่เป็นผู้เสพติดสารดังกล่าวดังนี้ บุหรี่ 67.5% เหล้า 22.7% กัญชา 9%” ซึ่งถ้าใช้ข้อมูลแค่นี้จะทำให้คิดได้ว่ากัญชาติดยาก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ ผมมีข้อแย้งดังนี้

1.ไม่ควรอ้างอิงงานวิจัยเพียงชิ้นเดียวที่เกิดในประเทศเดียว ควรต้องรวบรวมมาจากหลายงานวิจัย เพราะงานวิจัยอื่นได้ผลวิจัยต่างไป เช่น https://psycnet.apa.org/record/1994-45545-001 พบเพียงประมาณ 33% ที่คนสูบบุหรี่จะติดบุหรี่ ซึ่งน้อยกว่างานวิจัยข้างต้นมาก

2.ถ้าอ่านเนื้อหาทั้งหมดในงานวิจัยข้างต้น จะพบประเด็นสำคัญว่า “ผู้ใช้กัญชาจะติดกัญชาได้เร็วกว่าผู้ใช้เหล้าและผู้ใช้บุหรี่” โดยหลังจากใช้ครั้งแรก ครึ่งหนึ่งของผู้ใช้กัญชาจะติดกัญชาภายใน 5 ปี ส่วนกลุ่มเหล้าภายใน 13 ปี และกลุ่มบุหรี่ภายใน 27 ปี เห็นได้ว่า ถ้าเทียบเฉพาะเรื่องความเร็วในการติด กัญชาอาจถือว่าติดได้ง่ายกว่าเหล้าและบุหรี่ ดังนั้นผู้วิจัยของงานวิจัยข้างต้นจึงแนะนำว่าต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดสำหรับการป้องกันการเสพติดกัญชา

Advertisement

3.เนื้อหาอีกอย่างที่สำคัญในงานวิจัยข้างต้นคือ ผู้วิจัยได้ระบุถึงสาเหตุหลายอย่างที่ทำให้ผู้ใช้บุหรี่มีสัดส่วนการกลายเป็นผู้เสพติดมากกว่าสารอื่นเช่น การสูบบุหรี่เป็นที่ยอมรับกว่าการใช้กัญชา (งานวิจัยข้างต้นทำในอเมริกา ซึ่งช่วงที่เก็บข้อมูลวิจัยนั้น กัญชายังถือว่าผิดกฎหมาย) ซึ่งทำให้ผู้ใช้บุหรี่ถูกกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมให้มีอาการอยากสูบได้มากกว่า (เช่น เห็นคนอื่นสูบ) ดังนั้นอาจสรุปได้ว่าการที่กัญชาผิดกฎหมายทำให้มีผู้ติดกัญชาน้อย เพราะดูได้จากข้อ 4. ที่เมื่อเก็บข้อมูลช่วงที่เริ่มมีกัญชาเสรี %คนติดกัญชาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

4.มีงานวิจัยล่าสุดตามนี้ https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30439610/ ที่ทำคล้ายงานวิจัยข้างต้น โดยเก็บข้อมูลกลุ่มประชากรอเมริกาเมื่อ 10 ปีก่อน สรุปว่า “หลังจากมีการใช้กัญชาครั้งแรก จะมีคน 27% เป็นผู้เสพติดกัญชา โดยครึ่งหนึ่งจะติดใน 4 ปีแรก” เห็นได้ว่า%ต่างมากกับงานวิจัยข้างต้น (ของเดิม 9%) เหตุผลหนึ่งเพราะช่วงที่เก็บข้อมูลงานวิจัยนี้ บางรัฐในอเมริกาให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว ทั้งนี้งานวิจัยล่าสุดนี้ยังพบว่าระยะเวลาที่จะติดกัญชาก็เร็วขึ้นด้วย (จาก 5 ปี เป็น 4 ปี)

สรุป คำกล่าว “กัญชาติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่หลายเท่า” นั้นเชื่อไม่ได้ เพราะเราไม่ควรเชื่อแค่ส่วนบทคัดย่อของงานวิจัยเพียงงานวิจัยเดียว ดังนั้นมาตรการในการควบคุมกัญชาต้องมากกว่าบุหรี่และเหล้า

Advertisement

สุดท้าย แคมเปญเดิมยังอยู่นะครับ Chng.it/F6hNDT9X ที่จะให้ชะลอกัญชาเสรีแบบนี้ เพราะต้องการให้มีกฎหมายที่ควบคุมออกมาก่อนเพื่อป้องกันการใช้กัญชาในเด็ก เพราะกฎหมายที่ สธ ออกเพิ่มมาล่าสุดไม่เพียงพอครับ นอกจากนี้ในแคมเปญยังเพิ่มประเด็นให้รัฐสภาที่จะออกกฎหมายควบคุมกัญชาในอนาคต ต้องควบคุมกัญชาให้ได้อย่างน้อยเท่าต่างประเทศที่กัญชาเสรีเพื่อการสันทนาการ

ใครสนใจเปลี่ยน profile เป็นตามรูป เพื่อรณรงค์เรื่องนี้ได้เลยครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image