คนเรือพาณิชย์ตั้งข้อสังเกต ทำไม ทร.ไม่ขอความช่วยเหลือ
กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม โดยมีลูกเรือ 105 นาย กองทัพเรือ (ทร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมค้นหาช่วยชีวิต ยอด ณ เวลา 11.30 น. วันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ทร.สรุปตัวเลขมีผู้รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 18 นาย ในจำนวนนี้ระบุชื่อได้ 10 นาย มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพล ทร. อยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 8 นาย คงเหลือผู้สูญหาย 11 นาย (ยังไม่นับรวมเคสที่เจอล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ธันวาคม รอผลและหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพล ทร.จึงจะมีการตัดยอด) นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม รายงานข่าวแจ้งว่า ThaiArmedForce.com (taf) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า คนเรือพาณิชย์ตั้งข้อสังเกต ทำไม ทร.ไม่ขอความช่วยเหลือจากเรือลำอื่น และมาตรฐานการมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตของกองทัพเรือเหมาะสมหรือไม่
แหล่งข่าวจากวงการเดินเรือพาณิชย์ตั้งข้อสังเกตกับ TAF ว่าเหตุใดกองทัพเรือจึงไม่แจ้งขอความช่วยเหลือเมื่อต้องอพยพลูกเรือจาก #เรือหลวงสุโขทัย และเรือจมลง
“ผมเดินเรืออยู่ในบริเวณไม่ไกลจากเรือหลวงสุโขทัย หันหัวเรือสู้คลื่นอยู่ ได้ยินวิทยุช่อง 16 จากเรือหลวงกระบุรีตอนเย็นว่าเรือหลวงสุโขทัยกำลังสละเรือใหญ่ จึงเตรียมพร้อมที่จะไปช่วยเผื่อมีการเรียกให้ช่วย เพราะวิ่งแค่ 4-5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่ก็เงียบ”
ช่อง 16 VHF ความถี่ 156.8 MHz เป็นช่องสื่อสารสากลสำหรับขอความช่วยเหลือทางทะเลฉุกเฉิน ซึ่งผู้ปฏิบัติงานทางเรือจะมีวิทยุที่สามารถรับฟังช่องความถี่นี้ได้
“สงสัยว่าทำไมไม่ขอความช่วยเหลือ หรือประกาศ Mayday ทางช่อง 16 ถึงจะบอกว่าการสื่อสารถูกตัดขาด แต่ระบบ GMDSS (Global Maritime Distress and Safety System) ก็น่าจะมีแบตเตอรี่สำรองให้ใช้อยู่ระยะเวลาหนึ่ง และอยากรู้ว่าไปขอความช่วยเหลือเรือ Tug (เรือลากจูง) จากท่าเรือประจวบทำไม เพราะใกล้ๆ กันก็มีเรือ Offshore ทำงานอยู่ เนื่องจากเรือ Tug ของท่าเรือประจวบเป็นเรือเล็ก สู้คลื่นไม่ได้ ขอมาก็ใช้งานลำบาก แต่เรือ Offshore สู้คลื่นได้สบาย และอยู่ห่างไปแค่ 20 ไมล์เท่านั้นเอง เดินทางสองชั่วโมงก็ถึงจุดเกิดเหตุแล้ว รวมถึงเรือมีความพร้อมในภารกิจค้นหาและกู้ภัยมากกว่าเรือ Tug หรือเรือหลวงกระบุรีด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
อีกประเด็นหนึ่งที่แหล่งข่าวจากวงการเดินเรือพาณิชย์ตั้งข้อสงสัยก็คือ พยากรณ์อากาศเวลา 18.00 น. ของวันที่ 18 ธันวาคมนั้น ระบุว่ามีคลื่นเฉลี่ย 4 เมตร และคลื่นสูงสุดเกือบ 6 เมตร ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นว่าเรือ Tug ชายฝั่งไม่น่าจะสู้ไหวแล้ว ก็น่าสังเกตว่าทำไมเรือหลวงสุโขทัยถึงยังคงออกเรืออยู่
“สิ่งที่สำคัญคืออยากรู้ว่าน้ำเข้าได้อย่างไร เรือมีรอยแตกหรือเปล่า และรอยแตกเกิดจากการนำเรือหรือไม่ ประตูผนึกน้ำได้เปลี่ยนยางขอบประตูหรือเปล่า ทดสอบบ้างหรือไม่ เพราะจริงๆ น่าจะกันน้ำได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร จริงๆ เรือควรเข้าเทียบท่าที่บางสะพานดีที่สุด ไม่ควรจะกลับไปสัตหีบทั้งๆ ที่สภาพเรือเป็นแบบนี้”
สุดท้าย แหล่งข่าวตั้งข้อสงสัยถึงเสื้อชูชีพที่ไม่เพียงพอกับคนบนเรือ โดยระบุว่าเข้าใจว่าอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล หรือ SOLAS ที่เป็นข้อตกลงด้านความปลอดภัยในทะเล และกำหนดให้มีชูชีพเพียงพอสำหรับทุกคนบนเรือนั้น ถึงแม้จะไม่ใช้บังคับกับกองทัพ แต่เรือของกองทัพก็ควรจะมีมาตรการในการดูแลชีวิตของกำลังพลไม่ต่างกัน
“ผมเทียบท่าเดียวกับเรือหลวงสุโขทัยก่อนเรือจม 3 วัน เห็นประจำเรือออกมาคุยโทรศัพท์ยิ้มแย้มกันดี พอรู้ว่าเรือจมก็ใจหายมาก ถึงรู้ว่า SOLAS นั้นเรือรบเป็นข้อยกเว้น แต่ก็คิดว่ามันเกินไป ทหารเรือที่เสียชีวิตก็เป็นพี่น้องชาวเรือเหมือนกัน มาสูญเสียเพื่อนชาวเรือแบบนี้กลัวว่าจะเป็นการสูญเสียที่สูญเปล่าและไม่มีการปฏิรูปอะไรในกองทัพเรือเลย” แหล่งข่าวกล่าว
