ครูสอนดำน้ำรุมจวก “คนฆ่าปลาวัว” ชี้ไปบุกรุกที่น้องก่อนผิดเห็นๆ จี้เอาผิดบริษัทดำน้ำเถื่อน

ครูสอนดำน้ำรุมจวก “คนฆ่าปลาวัว” ชี้ไปบุกรุกที่น้องก่อนผิดเห็นๆ จี้เอาผิดบริษัทดำน้ำเถื่อน

ตามที่ได้เกิดประเด็นดราม่ากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กคือ “บาส บลูบอย” ได้โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับการลงไปดำน้ำดูปะการังใกล้เกาะร้านเป็ดร้านไก่ ในพื้นที่ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร แต่ถูก “ปลาวัว” กัด จึงใช้ของแหลมแทงปลาวัวจนตาย โดยโพสต์ข้อความว่า “ดำน้ำอยู่เฉยๆ ไม่เคยยุ่งกันน้าาา… แต่มากัดเราก่อนน้าาา… มึงตาย!!! ปลาวัวไททัน (Trigger Fish) ตัวนี้เป็นตำนานที่เกาะร้านเป็ดร้านไก่ ดุมาก!!! กัดลูกทัวร์ทั้ง Freedive และ Scuba หลายคน วันนี้โดนกับตัวเอง ยอมไม่ได้ และเพื่อป้องกันมันไปโจมตีนักดำน้ำท่านอื่น “กูจัดเน้นๆ” ทำเมนูอะไรเด่วมาอัพเดท” พร้อมทั้งโพสต์ภาพปลาวัวที่ถูกแทงตายประกอบ จนปรากฏเป็นประเด็นดราม่าในสังคมออนไลน์นั้น

ทัวร์ลงนักดำน้ำ เจอปลาวัวไททันกัด เลยฆ่าปลารอทำเมนูเด็ด ซัดเดือดรุกรานแล้วยังทำร้าย

 

Advertisement

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 นายนฤพล สังเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (ทกจ.) ชุมพร พร้อมด้วย นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี นายก อบต.ปากคลอง ดร.อนัน รามพันธุ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร ดร.สุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม ประธานศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ (CSR) จังหวัดชุมพร นายจักรี วงศ์แก้วประเสริฐ ครูสอนดำน้ำประจำร้าน The Ocean Dive Center และว่าที่ พ.ต.วัชรินทร์ แสวงการ หัวหน้าชุดกู้ภัยทางทะเล ครูสอนดำน้ำชุมพร ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสะพานปลาท่าเทียบเรือปากคลอง ซึ่งเป็นจุดที่นักดำน้ำต้องลงเรือเพื่อเดินทางไปยังเกาะร้านเป็ดร้านไก่ สถานที่เกิดเหตุ

นายจักรี หรือ “ครูกี้” และว่าที่ พ.ต.วัชรินทร์ หรือ “ครูไก่” ร่วมกันเปิดเผยว่า ปลาวัวถือเป็นปลาประจำถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลชุมพร ตามธรรมชาติของปลาวัวนั้นจะไม่ใช่ปลาที่มีนิสัยดุร้าย ยกเว้นช่วงที่เป็นฤดูผสมพันธุ์หรือวางไข่ ตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคมของทุกปี หากนักดำน้ำพบปลาวัวในช่วงดังกล่าวก็ไม่ควรเข้าใกล้ในรัศมี 2-3 เมตร และนักดำน้ำควรรู้จักพฤติกรรมของปลาชนิดนี้ก่อนลงดำน้ำเพื่อจะได้ป้องกันตัวเองถูก หากพบปลาวัวที่มีท่าทางไม่เป็นมิตรเนื่องจากเขารู้สึกว่าเราอาจจะเข้าไปทำอันตรายพวกเขา ลีดของการดำน้ำควรพานักดำน้ำหลีกเลี่ยงไปทางอื่น ซึ่งคงไม่เสียเวลามากนัก เพราะอย่าลืมว่ามนุษย์เป็นผู้เข้าไปในบ้านของพวกเขา และพวกเขาคือเจ้าของบ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากและไม่ควรเกิดขึ้นอีก

Advertisement

นายนฤพลกล่าวว่า บริษัทที่ให้บริการดำน้ำควรมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องทั้งกับกรมเจ้าท่า กรมอุทยานฯ และกรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องรีบดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป หากไม่ดำเนินการก็มีโทษปรับสูงถึง 500,000 บาทเลยทีเดียว

นายทรงสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง อบต.ปากคลองก็มีการวางกฎระเบียบปฏิบัติของท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด จึงอยากให้ทั้งบริษัทนำเที่ยวและนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎระเบียบปฏิบัติเหล่านี้ด้วย มิเช่นนั้น อบต.ปากคลองคงต้องดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดแน่นอน

ด้านเจ้าของเฟซบุ๊กซึ่งใช้ชื่อ “บาส บลูบอย” (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) ได้ออกมายอมรับผิดพร้อมทั้งขอโทษสังคมและผู้ประกอบการนำเที่ยวทุกคน ที่ตนเป็นคนก่อเหตุดังกล่าว สาเหตุเกิดจากความวู่วามและคิดน้อยของตนที่ต้องการเพียงเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น และยืนยันว่าจะไม่มีการทำผิดเช่นนั้นอีกแล้ว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image