อึ้ง! น.ร.แฉ ‘ร.ร.ดังจันทบุรี’ ส่งเด็กเข้าค่ายทหาร ดัดนิสัย ‘ครูฝึก’ ชกอก-ไม้ฟาด เหตุมองหน้า

อ่านแล้วอึ้ง น.ร.แฉยับ ‘โรงเรียนดัง’ จันทบุรี ครูทักแชตขอยืมเงิน รอง ผอ.อารมณ์รุนแรง ครูไม่สอนให้คะแนนชาย-หญิงไม่เท่าเทียม พีคสุด คะแนนจิตพิสัยต่ำกว่า 60 ส่งเข้าค่ายอบรม จ่าย 250 บาท เจอครูฝึกซ้อม เหตุมองหน้า

เหตุการณ์ที่มีการกล่าวถึงผ่าน #เบญจัน ก็นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่งในสถาบันการศึกษา ที่เรียกว่า “โรงเรียน”

หลังมีเหล่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ระบุว่าเป็น “นักเรียน” ในสถานศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ได้เปิดเผยไว้ดังนี้

– กฎระเบียบที่เคร่งครัดมากเกินควร เช่น การติดเครื่องหมายลูกเสือ-เนตรนารีแขนขวา ต้องห่างกัน 1 ซม., ผมห้ามยาวเกินกว่ากำหนด หากยาวเกิน 1 ซม. หักคะแนนความประพฤติทันที, ไม่เปิดขายน้ำเปล่าในเวลาเรียนขายได้แค่ตอนเช้า ตอนพักและตอนเย็น, ไม่ไหว้พระพุทธรูปหน้า ร.ร.ครูบางท่านไม่ให้เข้า ร.ร.

Advertisement

“เรื่องที่ไม่ควรเป็นข้อห้ามของ ร.ร.คือการขายน้ำดื่มให้กับนักเรียนในช่วงเวลานอกเหนือจากพักกลางวัน วันนั้นปวดหัวมาก เดินไปขอยาที่ห้องพยาบาลแล้วจะไปซื้อน้ำ แต่คนขายไม่ขายให้เพราะนอกเวลาเรียน”

ครูสอนวิชาดนตรี ไม่สอนให้ทำแต่ชีท ส่วนครูไปนั่งดูทีวีในห้อง เทอมสุดท้ายให้สอบร้องเพลง 50 คะแนน ให้คะแนนระหว่าง น.ร.ชาย-หญิงไม่เท่าเทียม ถ้าร้องไม่ได้โดนหักคะแนนเหลือ 0 ทันที ซึ่งมีผู้เข้าไปตอบว่าเห็นด้วย เพราะเจอเหมือนกัน ฉุดเกรดมาก ครูหาว่าแอบอ่านปากเพื่อน เพราะจำเนื้อเพลงไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความจริงคือประหม่าจึงมองหน้าเพื่อนที่ให้กำลังใจ

– ครูชายรายหนึ่ง ชอบทักแชตไปในไลน์กรุ๊ปของห้องเรียน/วิชา ขอยืมเงินนักเรียน โดยอ้างว่าเดือดร้อน ทั้งรถเสีย ลูกป่วย เป็นต้น

Advertisement

รอง ผอ. พูดจาไม่เหมาะสม ตะโกนใส่ไมค์ บอกว่าถ้ารับไม่ได้ก็ออกไปอยู่ที่อื่นที่มันมีอิสระกว่านี้ ของมันมีวัฒนธรรม และตอนเช้ามาถือโทรโข่งประจานนักเรียนถามว่าอยู่ห้องอะไรแล้วพูดใส่โทรโข่งสร้างความอับอายขายหน้า บางคนโดนจนร้องไห้ พูดจาข่มขู่กดขี่นักเรียนบางคน พูดกับนักเรียนว่าถ้าแทรกแถวจะตบ

นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ช่วงพักกลางวัน นักเรียนคนนึงผมยาวแต่ไม่ยาวมากเพราะมันอยู่ในช่วงปิดเทอมก็เลยไม่ได้ตัด แล้วรอง ผอ.ก็ไปถามว่าทำไมไม่ตัดผม เด็กคนนี้พูดว่า ก็มันปิดเทอมแล้วนะครับ จู่ๆ รอง ผอ.ก็หัวร้อนเริ่มใช้อารมณ์และก็ลากเด็กคนนั้นไปในโรงอาหาร แล้วเริ่มขึ้น กู มึง ตะคอกเสียงใส่ประมาณ 10 กว่านาที

– โรงอาหารบรรจุคนไม่พอแต่บังคับห้ามไปนั่งกินที่อื่น บางคนต้องนั่งกินกับพื้น

– ห้องน้ำในโรงเรียน เหม็น และสกปรก มีกลิ่นบุหรี่ทั้งแบบตัวแบบไฟฟ้า ไม่มีการแก้ไขจริงจัง เพียงแต่บอกว่าถ้าเจอครั้งที่ 1 จะยึดและหักคะแนน เจอครั้งที่สองจะจับส่งตำรวจ แต่ไม่เห็นจะตรวจค้นแบบจริงจังหรือทำให้มันเป็นกิจจะลักษณะ

– คะแนนพฤติกรรมหากไม่ถึง 60 คะแนนจะโดนส่งไปเข้าค่ายกับทหารและเสียเงิน 250 บาทโดยใช่เหตุ ซึ่งมีคนเคยโดนทำร้ายร่างกาย กับเรื่องนี้มีผู้มาเล่าถึงเหตุการณ์ขณะนั้น ว่า

ครูฝึกดีมากๆ แต่มี “ครูฝึกรายหนึ่ง” ใช้ความรุนแรงกับเด็ก เพราะแค่มองหน้า ทุกคนในที่นั้นตกใจกันหมด แต่ไม่มีครูเข้ามาห้ามเลย แม้เด็กๆ จะเป็นคนคะแนนประพฤติต่ำกว่า 60 แต่ก็ไม่ควรมีใครสมควรถูกสอนด้วยความรุนแรง และนี่อายุไม่ถึง 18 ด้วย ครูที่ไปค่ายไม่มีเลยที่จะมาห้าม ทั้งๆ ที่เห็นว่าเด็กโดนซ้อมอยู่ต่อหน้า ตอนนั้นทุกคนกลัวมาก ไม่มีใครกล้ามองหน้าครูฝึกคนนั้นเลย เพราะกลัวโดนซ้อม

“ซ้อม” ในที่นี้คือใช้ความรุนแรง ทั้งทุบ ทั้งตะคอกด่า เหยียดหยามเด็กคนนึงที่อายุไม่ถึง 18 ด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ยังมีผู้ระบุด้วยว่า อยู่ในเหตุการณ์ และคนโดนซ้อมเป็นเพื่อนตัวเอง เล่าว่า “ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่มองหน้า ทหารก็เดินมาชกอกเพื่อนกูซ้ำแล้วซ้ำอีก ถามมึงทำไม มึงเก่งมากหรอ และเพื่อนก็โดนเล็ง ทำอะไรก็โดน ยิ่งช็อตเอาไม้ฟาด ครูยืนมองเฉยๆ นักเรียนคือหน้าเสียหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นพูด ตนที่ปกติกล้าเถียงตลอด รอบนี้ก็ไม่กล้าเพราะสถานการณ์ตอนนั้นปกป้องตัวเองไม่ได้ ทหารล้อมรอบ โทรศัพท์ก็โยนยึด ทุเรศเกิน

– ค่าวารสารโรงเรียน 150 บาทที่โดนบังคับจ่ายรวมกับค่าเทอมซึ่งความเห็นส่วนตัวเรามองว่าไม่เหมาะสมเพราะใช่ว่าบางคนจะต้องการมัน

อย่างไรก็ตาม นักเรียนโรงเรียนดังกล่าว ได้เปิดใจกับ มติชนออนไลน์ ตอนหนึ่งว่า

“ส่วนตัวอยากให้โรงเรียนเปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยน ในบางเรื่องที่เคร่งครัดเกินไปควรผ่อนผันได้ อย่างเช่นผมยาวเกิน 1 ซม.ก็ “หักคะแนนความประพฤติ” ทันที และบางข้อก็ควรจะเป็นเรื่องตักเตือนไม่ควรเป็น “กฎ” แต่ขณะเดียวกัน เรื่องสำคัญอย่างการสูบบุหรี่ในโรงเรียน รวมถึงการใช้สารเสพติด นักเรียนหลายคนก็เห็นพฤติกรรมของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน มีการแจ้งไปแล้ว แต่โรงเรียนก็มีการแค่ตักเตือน พฤติกรรมพวกนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ร่ำไป

จึงมองว่าโรงเรียนให้ค่าความสำคัญค่อนข้างผิดลำดับ

ส่วนเรื่องที่มีครูทักขอยืมเงินก็เรื่องจริง มีนักเรียนแจ้งไป ทางโรงเรียนก็เงียบเฉย ครูบางคนก็รับทราบแต่ไม่มีอำนาจในส่วนนี้ จึงได้แต่เตือนนักเรียนแทน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องไม่สบายใจคือการ “ใช้อารมณ์” ในการแก้ปัญหากับเด็กของ รอง ผอ. มากกว่าการใช้เหตุผลคุยกัน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image