สุดทน! ร้านขายของเล่นชื่อดังย่านสะพานเหล็ก ถูกมาเฟียคุกคาม บอกต่อให้แจ้งตร.ก็ทำอะไรมันไม่ได้

สุดทน! ร้านขายของเล่นชื่อดังย่านสะพานเหล็ก ถูกมาเฟียคุกคาม ท้าแจ้งตำรวจบอก ตร.ทำอะไรไม่ได้หรอก

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม เพจเฟซบุ๊ก “Atongshopp 玩具” โพสต์ข้อความ ระบุว่า ถูกมาเฟียย่านสะพานเหล็กข่มขู่ ใจความว่า “ร้านของเราถูกข่มขู่, คุกคามจากพ่อค้าอันธพาลในห้างค่ะ คิดอยู่นานว่าจะโพสต์ดีไหม แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าทำไมต้องกลัวคนที่มาข่มขู่เราทั้งๆ ที่เราไม่ได้ผิดอะไร เพราะฉะนั้นเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเป็นข้อๆ โดยไล่เรียงจากตัวละครต่างๆ ไปจนถึงไทม์ไลน์ที่เป็นต้นเรื่องนะคะ

1. แม้ะ และ มุ้ย (นามสมมุติ) เป็นพี่น้องที่เปิดร้านขายของเล่นในตึกเดียวกัน นอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้ว ทั้งคู่ยังมีพฤติกรรมอันธพาล จากที่เคยได้ยินหลายคนเล่ารวมถึงที่เห็นกับตาเจอกับตัว พบว่าหลายครั้งเวลาที่ทั้งคู่ไม่พอใจใครในตึกก็จะพากันไปข่มขู่คุกคาม ลามไปถึงการทำร้ายร่างกาย คนที่ไม่อยากมีปัญหาก็ต้องยอม เวลาคุกคามหรือทำร้ายร่างกายใครก็ท้าทายให้แจ้งตำรวจได้เลย เพราะตำรวจทำอะไรเค้าไม่ได้ (ลองฟังพฤติกรรมในคลิปเสียงค่ะ) แน่นอนว่าร้านเราเองก็โดนแต่ที่ผ่านมาเราเลือกที่จะยอมเพราะไม่อยากมีปัญหา

2. ตัวละครต่อมาคือ อ้วน (นามสมมุติ) เป็นหนึ่งในลูกน้องของแม้ะ,มุ้ย ซึ่งอ้วนเนี่ยเรียกว่าเป็นเด็กฝากที่ แม้ะ,มุ้ย เอามาฝากให้ทำงานกับทางร้าน ซึ่งระหว่างที่ทำงาน อ้วนมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์หลายอย่าง เช่น หยุดงานบ่อยเกิน 10 วันต่อเดือนไม่รวมวันหยุดที่ได้หยุด 2 วันต่อสัปดาห์, สูบบุหรี่ภายในร้าน, มาทำงานสาย รวมถึงชอบชวนคนนอกเข้ามาบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นที่เก็บเงิน ตอนนั้นเราซึ่งเป็นผู้จัดการร้านได้ทำการตักเตือนหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการปรับปรุง เราจึงทำเรื่องแจ้งเจ้าของร้านให้ยุติการจ้างทำงาน (ไม่ผ่านโปร) ทำให้นายอ้วน พ้นสภาพพนักงานของทางร้านไปตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2565

3. เมื่อแม้ะ, มุ้ย ทราบว่าอ้วนถูกเชิญออกทั้งคู่ก็ไม่พอใจ จึงข่มขู่เจ้าของร้านเพื่อบังคับให้จ่ายเงินเดือนให้อ้วน เดือนละ 15,000 บาทเป็นเวลา 1 ปี (รวมเป็นเงิน 180,000 บาท) โดยให้ อ้วน รับหน้าที่ม้าใช้ ทำงานต่างๆ ที่เจ้าของร้านมอบหมายซึ่งไม่ใช่ในฐานะพนักงานของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เคยให้ไปเรียนขับรถ (โดยจะออกค่าใช้จ่ายในการเรียนให้) เพื่อให้มาเป็นคนขับรถก็ไม่เรียน จนกระทั่งปัจจุบันอ้วนก็ยังไม่มีการช่วยธุระอะไรใดๆ อย่างที่เคยคุยกันไว้ ทั้งหมดเป็นสัญญาปากเปล่า และเราไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

4. วันที่ (27 มิถุนายน 2566) เวลาประมาณบ่ายสอง อ้วนเดินทางมาที่ร้านเพื่อมารับเงินตามข้อ 3 เราก็โทรติดต่อเจ้าของร้านจนได้รับคำตอบว่าให้อ้วนรอหลังวันที่ 5 ก.ค. เดี๋ยวจะจ่ายเงินให้ แต่คำตอบกลับทำให้อ้วนไม่พอใจ จึงโทรตามลูกพี่แม้ะ,มุ้ยให้มาที่ร้าน

Advertisement

5. พอมาถึง ทั้งคู่ก็พยายามติดต่อเจ้าของร้านแต่ก็ได้คำตอบเดียวกันว่าให้รอหลังวันที่ 5 ก.ค. ก็ยิ่งทำให้พวกเค้าไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เราที่งงว่าเงินจำนวนนี้คืออะไรก็เลยสอบถาม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “มึงเกี่ยวอะไรด้วย” ซึ่งเราก็ตอบว่าเกี่ยวสิ เราเป็นหุ้นส่วนร้านนี้

6. แม้ะ,มุ้ยยังคงพยายามติดต่อเจ้าของร้านให้เอาเงินมาจ่ายภายในวันนี้ให้ได้ แล้วยังเริ่มแสดงพฤติกรรมอันธพาล ไล่ลูกค้าในร้านออกและสั่งให้ปิดร้านแต่เราไม่ทำตาม แม้ะที่โกรธจัดก็เริ่มเตะถีบโต๊ะเก้าอี้ของร้าน ก่อนจะสั่งให้อ้วน กับสมุนอีกคนนั่งเฝ้าร้านไว้จนกว่าเจ้าของร้านจะเอาเงิน 15,000 บาทมาจ่าย

7. ตอนนั้นยอมรับว่าเราเองก็เริ่มโกรธที่พวกเค้ามาทำลายข้าวของในร้านแบบนี้ ก็เลยพูดไปว่า “ของสกปรกหมดแล้ว โอ้มายก๊อด” จุดนี้มันทำให้แม๊ะเริ่มด่าทอและเกิดเหตุการณ์ตามในคลิป ซึ่งเราถูกกระชากผม และหน้ากากอนามัย

Advertisement

8. หลังจากลงมือทำร้ายร่างกายเสร็จ แม้ะก็ข่มขู่ว่าถ้าอยากเปิดร้านต่อ เราจะต้องถอนตัวจากการเป็นผู้ถือหุ้นของร้าน และต้องไล่พนักงานที่พวกเค้าไม่ชอบออก เค้าถึงอนุญาตให้ร้านเปิดขายของต่อไปได้ ส่วนมุ้ยเองก็พูดจาข่มขู่สารพัดซึ่งบางส่วนทุกคนฟังผ่านคลิปได้ค่ะ

“อย่าทำตัวเก่งที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ที่เรา”

“ห้างก็ไม่ช่วยคุ้มครองนะ”

จริงๆ แล้วยังมีคำพูดอีกสารพัดที่พวกเค้าบอกกับเราว่าการแข็งข้อจะทำให้ชีวิตเราไม่เหลือความปลอดภัยเลย และทำไมเขามีอิทธิพลขนาดนั้น

9. เราเดินทางไปแจ้งความที่สน.พระราชวัง พร้อมคลิปหลักฐานเพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่คุณตำรวจบอกให้เราไปตรวจร่างกายก่อนจะนัดแจ้งความอีกทีในวันนี้ (28 มิถุนายน) เวลา 6 โมงเย็น

10. ระหว่างไปแจ้งความ พวกแม้ะ,มุ้ย ก็กลับมาที่ร้าน ข่มขู่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ให้โทรหาเจ้าของร้านให้ได้ แถมให้ 2 สมุนมายืนจ้องพนักงานของร้านเพื่อกดดันให้ทำตามคำสั่ง

11. ทางร้านได้รับคำขู่ในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ห้ามเปิดร้านเด็ดขาด ถ้าเปิดร้านจะต้องมีเรื่องอีก เจ้าของร้านจึงตัดสินใจปิดให้บริการ 1 วัน

12. คืนวันเดียวกัน มุ้ยได้โทรมาพูดคุยกับเจ้าของร้านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรามีหลักฐานคลิปเสียงการสนทนาทั้งหมดและได้นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ในบทสนทนาทั้งคู่ยังคงข่มขู่ และยืนยันว่าตำรวจก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ แถมยังข่มขู่จะทำลายของ, ทุบกระจกร้าน ฯลฯ

13. เราไม่ใช่คนแรกของร้านที่ถูกทำร้ายร่างกายค่ะ ก่อนหน้านี้มีพนักงานชายคนนึงที่โดนเหมือนกัน แถมยังถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในตึก ถ้าฝ่าฝืนก็จะโดนทำร้ายอีก ทำให้พนักงานคนนั้นต้องลาออก

ส่วนข้อที่ 14 เป็นต้นไปจะเป็นดีเทลรายละเอียดต่างๆที่เกิดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน – ปัจจุบัน นะคะ

14. วันที่ 28 มิถุนายน ทางร้านปิดบริการ 1 วันค่ะ เนื่องจากพนักงานส่วนมากรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการโดนคุกคาม และ ข่มขู่ และเราได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ และมีนัดอีกที่วันที่ 2 กค ค่ะ ทางเราจะเริ่มทยอยส่งหลักฐานให้กับทาง สน เพิ่มเติมในวันที่ 2 กคและจะแจ้งความเพิ่มด้วยค่ะ ข้อหาข่มขู่และคุกคาม

15. วันที่ 29 มิถุนายน หลังจากแจ้งความไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ทางผู้กำกับของ สน พระราชวังให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ มีการประสานงานกับทางตึกเพื่อเป็นตัวกลางในการนัดไกล่เกลี่ยเคสของเราทันที แต่เมื่อนัดเวลาไกล่เกลี่ยเป็นในวันที่ 29 มิถุนายน ทางเราจำเวลานัดที่ชัดเจนไม่ได้ค่ะ ทางตึกได้โทรมาเพื่อนัดเวลาไกล่เกลี่ยแต่พอไปจริงทางฝั่งคู่กรณีไม่ได้ให้ความร่วมมือในการเข้ามาไกล่เกลี่ยค่ะ ถึงแม้จะมีตำรวจลงไปเชิญแล้วก็ตาม เพิ่มเติมจากที่ให้ตำรวจลงไปพูดคุยได้เนื้อความประมาณว่า สิ่งที่ทางฝั่งคู่กรณีต้องการคือให้ทางร้าน ย้ายพนักงาน 3 คนที่เป็นพนักงานขายไปทำงานอยู่ที่โกดังแทน และไม่ต้องมาที่นี้อีกเลย ทางเราเองก็คิดว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้เลยปฏิเสธข้อตกลงนี้ไปค่ะ

16. วันที่ 30 มิถุนายน หลังจากนัดไกล่เกลี่ยในครั้งแรกไม่สำเร็จทางร้านจึงติดต่อนัดรอบสองอีกรอบและไม่ได้คุยกับแม้ะมุ้ยโดยตรงมีเพียงคนกลางที่ติดต่อมาแทน ผลออกมาที่ทางร้านต้องยอมจ่ายเงินที่เหลือจำนวน 45,000 บาทให้นายอ้วนทางฝั่งแม้ะมุ้ยจึงจะยอมจบ ทางร้านก็ยอมค่ะ แต่ไม่ทันที่จะจ่ายทางฝั่งแม้ะมุ้ยก็ส่งชายฉกรรจ์นำโต๊ะมาปิดหน้าร้านและขว้างปาเก้าอี้ใส่หน้าร้าน พร้อมตะโกนข่มขู่เสียงดัง ทางเราจึงตัดสินใจปิดร้านอีก 1 วันค่ะ

17. วันที่ 1 กค ทางร้านเปิดร้านตามปกติหลังจากที่รอบแล้วไม่ได้ไกล่เกลี่ยและได้แต่คิดสงสัยค่ะ ว่าจะเรื่องนี้จะจบลงยังไง ในส่วนทางฝั่งผู้กำกับเองก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดีด้วยการส่งตำรวจนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบเข้ามาเฝ้าเกือบตลอดทั้งวันค่ะ ทางร้านปิดเวลา 6.20 น. หลังจากได้ร่วมตัวกันเดินทางกลับ ร่วมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กลับก่อน ทางฝั่งคู่กรณีก็มีดักรออยู่ที่หน้าห้างค่ะ พร้อมทั้งตะโกนบอกว่าจะตามมา
มีคลิปเหตุการณ์ที่แม้ะและมุ้ยส่งคนมาดักอยู่หน้ารถค่ะ
มีแชทหลักฐานที่ทางผู้หวังดีส่งมาแจ้งเตือนค่ะ

18. วันที่ 4 กค 2566 ทางคู่กรณีคนที่ทำร้ายร่างกายเรา ได้ขึ้นมาท้าต่อยเรา ใช่ค่ะ ท้าเราต่อย
ด้วยประโยคที่ว่า
“กุรอมึงมานานแล้ว”
“มึงออกมาในที่ที่ไม่มีกล้อง”
“ทีแบบนี้ไม่กล้า”

พร้อมตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคายด้วยประโยคดังกล่าว ทำให้เรารับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยของเราค่ะ เราเลยขอความช่วยเหลือจากทางตำรวจ ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที มีพี่ๆตำรวจเข้ามาไกล่เกลี่ย ทางฝั่งคู่กรณีจึงยอมเดินลงไป

19. วันที่ 30 กค 2566 ทางเราคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบและต่างคนต่างอยู่ค่ะ แต่ทางฝั่งคู่กรณีไม่จบง่ายๆ แต่ลามปามไปถึงการข่มขู่พี่ๆ Youtuber ที่เราสนิทด้วยรวมถึงลูกค้าเราบางคนค่ะ เหตุการณ์นี้มี พี่อิ๋ว พี่เซียน พี่อาร์ต พี่ดลลี่ (ทีมภาคีสะพานเหล็ก) พี่แป้ง zbing และพี่ป๊อบแฟนพี่แป้งอยู่ในเหตุการณ์

เนื้อหาจากที่พวกพี่เค้าเล่าให้ฟังก็คือ จังหวะที่พวกพี่เค้ากำลังเดินอยู่ แม้ะกับมุ้ยก็เข้ามาถามว่า “สนิทกับตี้ (เราเอง) เหรอ?” แล้วก็เริ่มข่มขู่ว่า “ขอกระทืบฝากได้ป่าว?, พวกมึงระวังเดินๆ อยู่จะโดนแทงนะ, ต่อไปนี้ก็เดินดีๆ, ที่นี่เค้าไม่ต้อนรับพวกมึง, เช็คประวัติพวกกูด้วยและพีคสุดคือ ระวังได้แดกลูกปืน” ซึ่งการถูกข่มขู่โดยที่พวกพี่เค้าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับแม้ะมุ้ย ทำให้เรารู้สึกว่านี่มันคือภัยสังคมระดับเกินเยียวยาที่ลุกลามไปข่มขู่ ขู่ฆ่าคนที่เค้าไม่เกี่ยวข้อง

จากนั้นแม้ะ,มุ้ยก็ส่งข้อความให้แบนร้านเราไปยังทุกร้านในตึก เช่นให้สั่งของร้านเราโดยไม่ต้องจ่ายเงิน หรือ ส่งคนมาแอบถ่ายลูกค้าและคนที่สนิทกับเราเพื่อไปข่มขู่ค่ะ ทางเรามีหลักฐานวีดีโอที่มันมาข่มขู่พี่ๆ Youtuber ค่ะ เบื้องต้นได้พี่ๆ เค้าได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วค่ะ

20. วันที่ 31 กค 2566 พนักงานของทางร้านผู้ชาย ชื่ออารต์ ก็โดนข่มขู่บริเวณเซเว่นข้างตึกค่ะ ด้วยประโยคที่ว่า
“มึงพูดไม่รู้เรื่องหรอ”
“เดียวพรุ่งนี้เจอกัน” พร้อมตบไหล่ อาร์ต 1 ที และ เรื่องก็เกิดขึ้นอีกในวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ค่ะ

21. วันที่ 2 สิงหาคม 2566 ทางร้านเรียกใช้บริการเอกชน สีส้ม เพื่อนำของมาส่งให้ที่ร้านค่ะ พี่อาร์ตพนักงาน ที่โดนข่มขู่ในวันที่ 31 ไปเจอกับมุ้ยในลิฟท์โดยบังเอิญทางคู่มุ้ยพูดจาข่มขู่ตลอดเวลา (มีคลิปเสียง) พร้อมโทรเรียกพี่ชายแม้ะให้ลงไปดักรออยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ (ทางร้านจะเรียกรถมาจอดเพื่อรับสินค้าบริเวณชั้น 1) ทางพวกมันได้พูดจาเสียงดังวางท่าทางนักเลง พร้อมทั้งเหยียบตัวสินค้าที่เรานำมาจัดจำหน่ายค่ะ ทั้งเตะ ทั้งเหยียบ โดยสินค้าที่นำมานั่นเป็นสินค้าที่ราคาค่อนข้างสูงและตอนนี้สินค้าก็เกิดความเสียหายบางส่วนค่ะ

แต่ที่เราไม่โอเคเลยก็คือทางพวกมันได้ข่มขู่และข้อที่อยู่ออฟฟิศเรากับทางขนส่งเอกชนค่ะ ทางขนส่งก็ยืนให้ดูทั่งๆที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควร เรามีรูปหลักฐานค่ะ เราจึงติดต่อไปพร้อมบอกว่าช่วยมาแจ้งความหรือเป็นพยานในเคสนี้ได้ไหม คำตอบที่ได้คือ ขอไม่ยุ่งค่ะ

22. วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ฝั่งตำรวจแจ้งทางเราว่าได้ออก “หมายเรียก” ใบแรกเรียบร้อยแล้ว และขอ
กลับมาที่นายอ้วนค่ะหลังจากที่นายอ้วนหายไปนาน วันที่ 4 สิงหาคม นายอ้วนส่งรุ่นพี่ระแวกบ้านที่นาย
อ้วนรู้จักเข้ามาเพื่อขอจบเรื่องราวนี้แต่ตัวนายอ้วนเองไม่ได้มาด้วยค่ะ นายอ้วนฝากส่งสารโดยมีข้อความประมาณว่า

“น้องอ้วนเองก็เป็นเหยื่อของสถานการณ์นี้เหมือนกัน น้องอยากจบเรื่องนี้ และอยากคุยกับเจ้าของร้านเป็นการส่วนตัว” โดยทางรุ่นพี่ของนายอ้วนได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเราว่า เขาเองก็โดนคู่กรณีนายแม้ะและมุ้ยจ้างเพื่อมากระทืบเจ้าของร้าน แต่ตัวเขาขอไม่ยุ่งเรื่องนี้ เขาแค่อยากมาจบปัญหาให้กับทางตัวนายอ้วนมากกว่า

ในช่วงปิดร้านนายอ้วน ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง โดยนายอ้วนและรุ่นพี่ได้ดักรอพนักงานของทางร้านระหว่างทางกลับบ้าน และให้ไปบอกกำชับกับเจ้าของร้านว่า

“ให้จ่ายเงินที่เหลือมาจะได้จบเรื่องราว และหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายอ้วนทางรุ่นพี่ของนายอ้วนก็จะไม่เอาร้านไว้เหมือนกัน ขู่จะทำลายร้านเช่นเดียวกับที่แม้ะและมุ้ยขู่จะทำ พร้อมบอกกับพนักงานที่เจอว่า “ดีนะที่เป็นผู้หญิงที่เดินมาเจอพวกเขา ถ้าเป็นผู้ชายไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน และไม่รับประกันความปลอดภัยในอนาคตของพนักงานชายที่งานที่ร้านว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ก็คือความปลอดภัยของคนในร้านและลูกค้า รวมถึงคนรู้จัก ค่าความเสียหายต่างๆ รวมถึงสภาพจิตใจของทุกคนที่เจอเหตุการณ์นี้ประเมินค่าไม่ได้เลยกับการกระทำของอันธพาลกลุ่มนี้ ทางตำรวจ และคนรู้จักต่างแนะนำให้เราเพิ่มความปลอดภัยของพนักงานที่ร้าน เราจึงตัดสินใจจ้างบอดี้การ์ดมาดูแล เพื่อปกป้องพนักงานทุกคนโดยให้ไปรับไปส่งระหว่างรับสินค้า คอยเฝ้าระวังอยู่บริเวณใกล้ๆร้าน และคอยดูระหว่างจะแยกย้ายกันกลับบ้านค่ะ

23. วันที่ 6 สิงหาคม 2566 แม้ะมุ้ยเห็นเราพาคนมาคุ้มกัน ทางฝั่งนั้นก็ถืออาวุธขึ้นมาตะโกนด่าทอ ยั่วยุ ชวนทะเลาะ และพยายามให้เกิดเหตุการณ์เป็นทะเลาะวิวาทค่ะ แต่ดีที่ไม่เกิดเหตุอะไรขึ้น

ทุกเหตุการณ์ที่เราเขียนมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยมีทั้งพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์และมีพยานหลักฐานจำนวนมากที่นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

ถึงตรงนี้ทางร้านก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงตรงไหน แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ แม้ะกับมุ้ยก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุด เราจึงขอตีแผ่พฤติกรรมของมาเฟียสะพานเหล็กคู่นี้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนที่เป็นภัยสังคมนั้นมีอยู่จริง

ขอบคุณที่อ่านจนจบ และถ้าช่วยแชร์ให้สังคมรับรู้เป็นวงกว้างจะขอบพระคุณมากๆ ค่ะ
ตี้ ร้านอาตง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image