เพจใต้เตียงมข. โพสต์อาลัย เภสัชหนุ่มก่อเหตุสลด ทิ้งจดหมายลา กดดันจากที่ทำงาน ชี้ควรเป็นอุทาหรณ์

เพจใต้เตียงมข. โพสต์อาลัย เภสัชหนุ่ม ก่อเหตุสลด ทิ้งจดหมายลา ปมกดดันจากที่ทำงาน ชี้ควรเป็นอุทาหรณ์

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เพจ ใต้เตียงมข. ได้ออกมาโพสต์ไว้อาลัย เภสัชกรหนุ่ม ศิษย์เก่า มข. เสียชีวิต โดยระบุข้อความว่า

“เศร้าสลด! เภสัชกรหนุ่ม ศิษย์เก่า มข. และอดีตพี่เลี้ยงน้องใหม่ ตัดสินใจลาโลก หลังเผชิญแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ

ข่าวเศร้าจากวงการเภสัชกร เมื่อเภสัชกรหนุ่ม ศิษย์เก่า มข. และอดีตพี่เลี้ยงน้องใหม่ ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง หลังต้องเผชิญกับความกดดันและความเป็นพิษในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาจนทนไม่ไหว ในข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ เขาได้กล่าวถึงความเหนื่อยล้าจากการทำงานที่ไม่ได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนที่ดีจากหัวหน้างาน รวมถึงการถูกกดดันให้ลาออกอย่างไม่เป็นธรรม

Advertisement

เรื่องราวของเขาทำให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิตในที่ทำงาน และชี้ให้เห็นว่าการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษอาจส่งผลร้ายแรงต่อสภาพจิตใจของพนักงาน การจากไปของเขาเป็นเสียงเตือนให้ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้างานต้องกลับมาทบทวนถึงการกระทำของตนเอง ว่าการปฏิบัติต่อลูกน้องในลักษณะที่กดดันหรือไม่ให้การสนับสนุนที่เพียงพอนั้น อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าเศร้าและไม่ควรเกิดขึ้น

Advertisement

เพื่อนและคนรู้จักของเขาต่างสะเทือนใจและเสียใจกับการจากไปครั้งนี้ หลายคนมองว่าเขาเป็นคนมีจิตใจดี สดใส และเป็นที่รักของเพื่อนๆ ซึ่งสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษได้ทำให้เขาต้องสูญเสียพลังใจในการดำเนินชีวิต

เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนให้สังคมให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงานในองค์กร และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เข้าใจและสนับสนุนจิตใจของคนในทีม เพื่อลดการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต

นอกจากนี้ กรณีของเภสัชกรหนุ่มยังทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ หลายคนตั้งคำถามถึงบทบาทของหัวหน้างานในการดูแลจิตใจของพนักงาน และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีการบริหารจัดการในองค์กร โดยเฉพาะการสนับสนุนทางจิตใจที่หัวหน้างานควรมอบให้แก่ลูกน้อง หลายความคิดเห็นแสดงความเห็นตรงกันว่า การพูดคุยอย่างสร้างสรรค์และการรับฟังเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะอาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่สามารถช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับความเครียดและปัญหาต่างๆ ก้าวข้ามสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตได้ชี้ว่า การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษหรือ “toxic workplace” เป็นปัญหาที่น่ากังวล และหากองค์กรไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสุขและความผ่อนคลายของพนักงานแล้ว อาจเกิดปัญหาทั้งในด้านสุขภาพจิตและการทำงานได้ รวมถึงการขาดแคลนพนักงานในอนาคตจากการที่พนักงานตัดสินใจลาออกเพราะทนไม่ไหว

กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและวิธีการทำงานในองค์กร เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางกายและจิตใจ การที่พนักงานรู้สึกได้รับการสนับสนุนและได้รับการเคารพจากหัวหน้างานจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและความมั่นใจในการทำงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้คนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขมากขึ้น

ท้ายที่สุด การจากไปของเภสัชกรหนุ่ม ได้เตือนใจทุกคนให้เห็นถึงความสำคัญของการใส่ใจในจิตใจของเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม และเป็นการเรียกร้องให้เรามีความเมตตาและเข้าใจผู้อื่นในทุกๆ สถานการณ์ เพราะบางครั้งคำพูดหรือการกระทำเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนอื่นได้อย่างคาดไม่ถึง”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้หาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้เคยโพสต์แชตของ เภสัชกรหนุ่มรายดังกล่าวที่คุยกับหัวหน้า รวมถึงจดหมายสุดท้ายก่อนจบชีวิตตัวเอง โดยระบุข้อความว่า “พี่–ครับ…การที่ผมตัดสินใจต้องจากคนที่รักไปแบบนี้ ขอให้พี่–รับรู้ไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตัวผมเองที่โชคร้ายต้องมาเจอหัวหน้างานอย่างพี่ที่ไม่เคยเปิดใจรับฟังอะไรทั้งสิ้น และชอบใช้วิธีบีบคั้น หรือกดดันเพื่อให้ลูกน้องลาออก…เภสัชกรคนหนึ่งใน รพ.ชื่อดัง—“

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image