ปชช.เชื่อ คอร์รัปชั่น ต้นเหตุตึกถล่ม ACT แฉกลโกง แม้ระเบียบครบ จับตาภาษี 2 แสนล้าน

ผลโหวตชี้ชัด ปชช.เชื่อ คอร์รัปชั่น ต้นเหตุตึกถล่ม ACT แฉกลโกง แม้ระเบียบครบ จับตาภาษี 2 แสนล้าน

เมื่อวันที่ 11 เมษายน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เปิดโปง “โกงครบสูตร แม้ระเบียบครบถ้วน” จับตาเงินภาษี 2 แสนล้านบาท/ปี หายเข้ากระเป๋าบางกลุ่ม

ประชาชนชี้ชัด คอร์รัปชั่น ต้นเหตุตึก สตง. ถล่ม จี้รัฐเอาผิด “ตัวการใหญ่” ไม่ใช่แค่ “จับแพะ” เสนอมาตรการแรง “ตัดสิทธิรับเหมาตลอดชีวิต – ประหารคนโกง”

ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ ACT กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่านระบบ D-vote หัวข้อ “คุณคิดว่าเหตุการณ์อาคาร สตง. แห่งใหม่ถล่ม เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นหรือไม่?” ซึ่งเปิดให้ประชาชนโหวตระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2568 โดยได้ผลสำรวจเบื้องต้นจากกลุ่มตัวอย่างกระจายทุกช่วงอายุและภูมิภาคจำนวน 182 ตัวอย่าง ค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 87.0 พบว่าร้อยละ 98 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าเหตุการณ์อาคาร สตง.ถล่มเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น เมื่อถามเจาะลึกถึงสาเหตุตึกถล่ม ประชาชนชี้ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

ADVERTISMENT
  • คอร์รัปชั่นของผู้เกี่ยวข้อง
  • การใช้วัสดุคุณภาพต่ำ เช่น เหล็กปลอม
  • และกำหนดแบบก่อสร้างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น ต้องการเงินทอน

สำหรับการลงโทษผู้กระทำผิด ประชาชนจี้รัฐ

  • “ฟันให้ถึงตัวใหญ่” ไม่ใช่แค่โยนแพะ โดยเสียงส่วนใหญ่ ไม่ต้องการให้แค่หาผู้รับเหมากลับมารับผิด แต่เรียกร้องให้ดำเนินคดี “ผู้มีอำนาจ” ที่อยู่เบื้องหลัง
  • รวมทั้งเสนอให้แบล็กลิสต์ บริษัทรับเหมาที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ห้ามรับงานรัฐอีกตลอดชีวิต
  • และจำคุกตลอดชีวิตผู้เกี่ยวข้องกับคอร์รัปชั่นโดยไม่ลดหย่อนโทษ

ส่วนแนวทางแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยตึกถล่ม เสียงจาก ประชาชนเสนอแนวทางแก้ปัญหา ที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่

ADVERTISMENT

1.ปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวด บังคับให้ทุกโครงการต้องมีกระบวนการตรวจสอบคอร์รัปชั่น ทั้งตรวจสอบผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงาน ตรวจรับวัสดุ

2.บังคับใช้กฎหมายปราบคอร์รัปชั่นด้วยบทลงโทษเด็ดขาดรุนแรงถึงขั้น จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต

3.รัฐต้องปรับปรุงระบบข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนตรวจสอบอย่างโปร่งใส

4.ให้ทุกโครงการเมกะโปรเจกต์ (มูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) ต้องผ่านข้อตกลงคุณธรรม ให้ประชาชนร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้น

“โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ หรือโครงการร่วมลงทุนภาครัฐกับเอกชน เป็นโครงการ ที่ใช้งบลงทุนสูงเป็นเป้าหมายของคนโกง โดยอาศัยช่องทางตามระเบียบ ดูเผินๆ เหมือนถูกต้องตามระเบียบทุกประการ แต่กลับมีช่องพลิกแพลงให้คอร์รัปชั่นหลากหลายเทคนิค เช่น การล็อกสเปก เพื่อให้เฉพาะบริษัทบางรายเท่านั้นที่ผ่านคุณสมบัติ การฮั้วประมูล โดยตกลงราคาล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ชนะได้งาน ส่วนผู้แพ้ได้ ‘ค่าตอบแทน’ การแบ่งสัญญา ล่วงหน้าตาม ‘คิว’ ผู้รับเหมาที่ต้องได้รับงาน รวมถึงการหักหัวคิว หรือเงินทอน ร้อยละ 20-30 ของมูลค่างาน เพื่อจ่ายให้เจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจเอื้อประโยชน์ ที่ผ่านมาพบว่า 3 ขั้วอำนาจที่ร่วมมือกันแนบแน่น ทำให้คอร์รัปชั่นดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง คือ ข้าราชการ นักการเมือง และนายทุน ข้าราชการที่รู้เห็นแต่เงียบเฉย ก็ถือว่ามีส่วนร่วมเช่นกัน” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นฯกล่าว

งบประมาณงานก่อสร้างภาครัฐแต่ละปี มีมูลค่ารวมกว่า 780,000 ล้านบาท หากคอร์รัปชั่นเฉือนหัวคิวไปร้อยละ 30 จะคิดเป็นเงินสูงถึงกว่า 200,000 ล้านบาท ที่หายไปจากระบบเศรษฐกิจ เข้าสู่กระเป๋าคนบางกลุ่ม

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นฯ กล่าวในที่สุดว่า คอร์รัปชั่นไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และการนิ่งเฉยคือการสมรู้ร่วมคิด สื่อมวลชนและภาคประชาชนมีบทบาทสำคัญในการกดดันให้เกิด การเปลี่ยนแปลง “เราต้องไม่แค่เรียกร้องให้รัฐโปร่งใส แต่ต้องปฏิเสธคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ หยุดระบบฮั้ว หัวคิว เงินทอน และรวมพลังประชาชนลุกขึ้นสู้ เพื่อเปลี่ยนประเทศของเรา”

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าร่วมโหวตแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องได้ที่เพจขององค์กรฯ เพื่อสะท้อนเสียงและนำไปสู่การผลักดันไม่ให้โศกนาฏกรรมซ้ำรอยต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image