สาว 14 ฝากอุทาหรณ์ลดความอ้วนผิดวิธีเป็น “โรคคลั่งผอม” น้ำหนักเหลือ 33 กิโลกรัม ร่างกายเเย่

เป็นเรื่องราวการลดน้ำหนักที่ส่งผลในทางไม่ดีสักเท่าไหร่ เมื่อสาวน้อยวัย 14 ได้โพสต์เล่าประสบการณ์การลดความอ้วนจนทำให้ร่างกายย่ำแย่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

ประสบการณ์ของตัวเองที่อยากเอาไว้เตือนใจและให้เป็นอุทาหรณ์ของคนอยากผอมแต่ลดความอ้วนอย่างผิดวิธี [อะนอเร็กเซียเนอโวซ่า]

สวัสดีค่ะ เราขอแทนตัวเองว่า”เกรซ”นะคะ เราอายุ14ปีค่ะ เริ่มเป็นเดือนพฤษภาคมปี 2559 หายในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน โรคนี้หลายคนคงไม่รู้จักค่ะ โรคนี้มีอีกชื่อว่าโรคคลั่งผอม (anorexia nervosa) ตอนเป็นเกรซหนักต่ำสุด33.3 ตอนนั้นสูง161

Advertisement

ส่วนสาเหตุที่เป็นแบบนี้ คือ เคยอ้วนมาก่อน BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่โดนคนที่โรงเรียนล้อบ่อยมากว่าอ้วน ก็ไปฟังเขามาแล้วคิดว่า ฉันอ้วนจริงๆ ต้องลดน้ำหนักแล้ว และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เลวร้ายเป็นอันดับต้นๆ ของชีวิต ช่วงนั้นเราออกกำลังกายทุกวัน ทั้งเวทเทรนนิ่ง คาร์ดิโอ และออกT25ทุกวัน บางวันกระโดดเชือกสี่ชั่วโมงติดต่อกัน และยังลดน้ำหนักด้วยวิธีที่หักโหมเกินไปอีก เช่น วิ่งขึ้นบันไดตั้งแต่ชั้น1ถึงชั้น9ที่โรงพยาบาล วิ่งขึ้นลงประมาณ6รอบทุกครั้งที่แม่ไปทำธุระที่รพ.

ส่วนเรื่องกินก็นับแคลอรี่ทุกอย่างปกติฝรั่ง 1 ลูก 60 แคลอรี่ กินแค่เสี้ยวมันเสี้ยวเดียวแล้วกรอกไปว่า 160 แคลอรี่ และในหนึ่งวันเราจะกินไม่เกิน 1200-1300 แคลอรี่ ช่วงนั้นไม่กินข้าวเช้าเลย ไม่กินข้าวโรงเรียนด้วย และไม่กินของเหลวที่มีแคลอรี่มากกว่า 0 ทุกชนิด นมก็ไม่ค่ะ!

Advertisement

“น้ำหนักเราลงมาเรื่อยๆ จาก49..ไป45..ไป43..ไป40 ตอนหนัก40 เราคิดว่าเราจะพอแล้วนะคะ แต่สุดท้ายเรากลับเรือไม่ทันค่ะ อะนอเร็กเซียครอบงำเราแล้ว เราทำเเบบเดิมซ้ำๆตลอดทุกวัน จนน้ำหนักเหลือ 34 ตอนนั้นพ่อแม่จึงบังคับให้เรากิน ทุกครั้งที่กินข้าวเราจะร้องไห้ เราร้องไห้ทุกวัน บางทีกินเสร็จแล้วก็ไปล้วงคออ้วกออกหมด จนน้ำหนักลงมาอยู่ที่ 33.3กิโลเราพยายามจะลดลงไปอีกแต่สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ค่ะ ระบบเผาผลาญเราพังหมดแล้ว เราไม่กินอะไรเลยทั้งวันและออกกำลังกายทั้งวันมันก็ลดไปแค่0.01-0.02โลเท่านั้นค่ะ เราจึงตัดสินใจเลิกT25 แต่ไปเวทเทรนนิ่งแทน เราเกือบตายเลยค่ะ เพราะเวลาเรายกของหนัก ความดันในปอดเราจะเพิ่มค่ะ ซึ่งเรามีชั้นไขมันไม่มากพอจะกั้นระหว่างซี่โครงเรากับปอดค่ะ ถ้าความดันในปอดสูงมากๆ ซี่โครงอาจทิ่มปอดเราทะลุได้

รูปที่เราถ่ายมาทั้งหมดเป็นรูปตอนเราหนักระหว่าง38.5-39ค่ะ ตอนเราหนักน้อยกว่านั้นไม่ได้ถ่ายไว้เพราะโดนยึดโทรศัพท์ (พ่อแม่บอกว่าต้องกินข้าวเยอะๆถึงจะให้คืน) ตอนนั้นนี้แค่0.01กิโลกรัมก็มีค่ามากสำหรับเราเลยค่ะ แค่เพิ่มมาแค่นั้นเราร้องไห้จะเป็นจะตายเลย

•สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป•

1.อารมณ์แปรปวนมากค่ะและประจำเดือนไม่มาด้วย คือฮอร์โมนไม่คงที่มาก ส่วนฮอร์โมนเพศชื่อก็บอกอยู่ว่าต้องใช้ไขมันสร้าง แล้วนี่ไม่มีไขมันเลยจะเอาที่ไหนไปสร้าง?

2.ผมร่วงเยอะมากค่ะ ร่วงแบบร่วงทั้งวัน บางทีเดินๆอยู่ผมร่วงเป็นทางเลยค่ะ ร่วงจนโดนแม่บ่น

3.หนาวง่ายมากเนื่องจากไม่มีชั้นไขมันปกคลุม

4.มีรานูโก้แฮร์(ขนที่พบในเด็กแรกเกิด)ขึ้นตามตัว

5.เป็นโลหิตจางและโรคอีกหลายๆโรค

6.เป็นแผลกดทับได้ง่าย นั่งเก้าอี้แข็งๆไม่ได้เลย

7.ร้องไห้คนเดียวทุกวัน มีอาการซึมเศร้า

8.ความดันโลหิตต่ำมากๆ คือถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อีกนิดเราอาจไหลตายหรือตายได้เลยค่ะ คือความดันเราแค่73/44

9.สมองประมวลผลช้ากว่าปกติมากอย่างเห็นได้ชัด คือพอขาดสารอาหารสมองเลยผิดปกติค่ะ

10.เหนื่อยง่าย ปกติวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสี่ชั้นห้าที่รร.ถึงจะเหนื่อยค่ะ แต่นี่ขึ้นไปสองถึงสามชั้นก็จะตายอยู่แล้ว

11.ท้องผูกค่ะ คือคิดดูนะคะ วันๆกินแต่ไฟเบอร์มันก็ไปแพ็คกันในลำไส้เพราะไม่ได้กินอาหารชนิดอื่นเข้าไป(ไฟเบอร์ช่วยทำให้อาหารพวกนี้ออกง่ายขึ้น)

12.กลัวการกินอาหารนอกบ้านมาก

•การรักษา•
ตอนแรกเรารักษากับคลีนิกที่บ้านสวนค่ะ แล้วโดนส่งตัวไปที่คลีนิกแถวตลาดล่างค่ะ จากนั้นก็โดนส่งตัวไปอีกค่ะ? แต่ส่งไปที่รพ.ม.บูร ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เราหายขาดค่ะ?
(สามารถสอบถามสถานที่เราได้ทางแชทส่วนตัวนะคะ)

•ปัจจุบัน•
ตอนนี้เราหายขาดจากanorexiaซึ่งเป็นสับเซ็ตของeating disorderแล้วค่ะ เราสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีกค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณสังเกตว่ามีใครก็ตามจะหลุดเข้าไปในวงจรอุบาทว์นี่ หยุดเขาไว้นะคะ โรคนี้มันร้ายแรงกว่าที่คิดค่ะ เราไม่อยากให้มีคนเสียชีวิตหรือเกือบเสียชีวิตเพราะโรคนี้อีกค่ะ

แต่โชคไม่เข้าข้างเราค่ะ ปัจจุบันเราเป็นโรคซึมเศร้าและกำลังรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งอยู่ค่ะ เดี๋ยวเราจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะคะ…ถ้าเราอยู่ถึงวันนั้น..

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image