“ทนายตั้ม” เดือด! แฉ“ทนายมาเฟีย” กุนซือเบื้องหลัง“ทีมครูปรีชา”

“ทนายตั้ม” เดือด! แฉ “ทนายมาเฟีย” เป็นกุนซืออยู่เบื้องหลัง “ทีมครูปรีชา” อยากถอนใบอนุญาต บอกถ้าตนอยู่ “พวกเขาจะลำบาก” งงถูกร้องสภาทนายความแค่เรื่อง “เสื้อ”

โหนกระแสวันนี้เป็นเรื่องราวหวยอลเวงที่ยังไม่จบ ล่าสุด “นายษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” ทนายความ “ร.ต.ท.จรูญ วิมูล” คดีหวย 30 ล้าน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า “เมื่อนายแผนเปิดหน้าชกผมและคุณลุงก็ต้องบอกเลยว่าไม่มีปัญหาครับ เรื่องที่นายแผนจะไปร้องเรียนสภาทนายความหรือไปแจ้งความอะไรนั้นก็เชิญเลยครับผมแค่บอกว่านายแผนเคยไปบ้านคุณลุงมาก่อนถ้าไม่เคยไปก็ปฏิเสธมาเลยครับ” ซึ่ง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ทาง 28 ได้เปิดใจทนายตั้มถึงเหตุการณ์ที่มันบานปลาย ล่าสุดถูกร้องสภาทนายความในเรื่องของมารยาทในการทำงานอีกด้วย

ตอนนี้เรื่องไปใหญ่โตมาก?

ทนายตั้ม : “ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นสุดท้ายแล้วแหละถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ก็น่าจะจบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มาตั้งแต่ต้น มีพยานต่างๆ ทางครู จนมีดร. คนนึงมา มีผู้หญิงคนนึงมา ก็กระเด็นกระดอนไปหมดแล้ว ทนาย ดช จนเมื่อวานมีใครไม่รู้มานั่งในรายการอีก ผมว่าน่าจะเป็นเซ็ตสุดท้ายแล้ว”

Advertisement

วันนี้นายแผนเดินทางไปสภาทนายความ ไปร้องเรื่องราวมารยาททนายท่านหนึ่ง ชาวบ้านมุ่งมาที่ทนายตั้ม?

ทนายตั้ม : “ต้องถามว่าไปร้องผม แล้วผมผิดอะไร จะบอกว่าใส่เสื้อยืด แล้วผิดเหรอ การที่เราใส่เสื้อยืด ก็แค่เราอยากใกล้ชิดชาวบ้าน ชาวบ้านเขาจะได้มาปรึกษาโดยไม่ต้องกลัว ไม่ต้องใสสูทหล่อๆ เท่ๆ เหมือนคนอื่นเขา แล้วผมว่าไอ้ตรงนี้เราทำในสิ่งที่ดี ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรกับแค่เรื่องเสื้อ ตลกมาก ส่วนเรื่องข้อบังคับของสภาทนายความ ผมก็รู้อยู่แล้วครับ ว่าเขาสามารถทำได้ทั้งสามอย่าง แต่ต้องถามว่าแล้วผมทำผิดหรือเปล่าล่ะ ถ้าผมทำผิดก็จัดการไปเลย ผมเคยไปอวดอ้างว่าเก่งกว่าทนายคนอื่นหรือเปล่า ถ้าอย่างนี้ผิดแน่นอน มาอวดอ้างว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นเขา แล้วดูทุกรายการ ผมไม่เคยพูดเลย จะมีก็แต่เรื่องเสื้อ ซึ่งมันดูเด็ก ไร้สาระ เอาจริงๆ”

ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น?

Advertisement

ทนายตั้ม : “ถามว่าใส่เสื้อยืดตัวนี้ มันช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่าไอ้คนที่ใส่สูทแล้วนั่งเก๊กในตึกนะครับ ทำมาแอ็กโชว์นักข่าว แหม มันน่าโมโหมั้ย ผมอยู่ของผมดีๆ มาจัดฉากนั่งอยู่ด้วยกัน แบบนี้เตี๊ยมกันมาหรือเปล่า ใครนั่งแถลงข่าวด้วยกัน เตี๊ยมกันหรือเปล่า จะให้ผมออกจากทนายความ”

นายแผนอ้างว่าท่านฐิติราชแนะนำเขาให้การอีกอย่าง ซึ่งไม่ตรงกับภาคเจ็ด?

ทนายตั้ม : “แบบนี้เข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงานนะครับ การที่เขาให้การที่หนึ่งแบบหนึ่ง ที่หนึ่งแบบหนึ่ง แล้วเหมือนกับให้สัมภาษณ์สื่อที่มันไม่ตรงเลยสักครั้ง ผมจะบอกว่าเวลาขึ้นศาล พยานพวกนี้ไม่ได้มีสาระสำคัญในคดีเลย ไม่ใช่จุดสาระสำคัญที่จะให้ศาลตัดสินเลยเพราะตัวเขาบอกว่าจำไม่ได้ แล้วมาวันที่เท่าไหร่ไมรู้ ตัดไปได้เลย ไม่ได้มีส่วนสำคัญในคดีเลย แต่ตัวเองทำเหมือนอยากมีส่วนสำคัญ ออกมาก็ต้องการให้กระแสพลิกไปทางฝ่ายเขา แต่ถามว่าเอาคนที่เป็นนักกฎหมายนะครับ ดูก็รู้แล้วว่าถ้าคนนี้ไปเบิกความในศาลไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่ใช่สาระสำคัญในคดีเลย”

ประเด็นที่เขาพูดมา เขาบอกว่าไปบอกเขาดูหมิ่นดูยังไง เขาบอกว่าท่านฐิติราชแนะนำ?

ทนายตั้ม : “ก็ต้องไปดูที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีความผิดหรือเปล่า ผมคิดว่าถ้ามีความผิดเดี๋ยวทางตำรวจต้องดำเนินการอยู่แล้วแหละ ต้องดูด้วยว่าเขาพูดยังไง ถ้าบอกเขาแนะนำก็อาจจะรอด แต่ถ้าไปบอกว่าข่มขู่เขาให้เกิดความกลัวอาจดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ได้”

อยากให้ทนายตั้มเล่าให้ฟังหน่อย ลองไล่ให้ฟังหน่อย พยานนายแผนที่มาที่ไปคืออะไรกันแน่?

ทนายตั้ม : “นายแผนต้องบอกก่อนเลยว่า ตั้งแต่ตอนอยู่ที่สำนวนอยู่กาญจนบุรี ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรเลย ไม่ได้เข้ามาในสำนวน แต่มาโผล่ตอนที่ทราบจากสื่อมวลชนนี่แหละตอนที่ภาคเจ็ดแถลง ทราบว่ามีพยานใหม่มา และพยานใหม่คนนี้เห็นคุณลุงก้มเก็บ ตอนนั้นภาคเจ็ดแถลงใช้คำนี้ ทางผู้บัญชาการภาคเจ็ด ท่านรองภาคเจ็ดใช้คำนี้เลยว่าพยานคนใหม่เห็นคุณลุงก้มเก็บล็อตเตอรี่ได้และยืนยันว่าเป็นคุณลุง และยืนยันว่าเป็นวันที่ 31 ตอนนั้นสื่อพยายามไปหาว่านายแผนคือใคร มาได้ไง ทางภาคเจ็ดเขาก็แถลงนะครับว่าที่มาเพราะตำรวจไปเสาะหาเอาเองจนเจอนายแผน เลยให้มาเป็นพยาน ตอนหลังนายแผนให้สัมภาษณ์กับสื่อ ตอนั้นไม่เปิดเผยหน้า ให้เอากล้องถ่ายไปที่เท้าแล้วก็พูดว่าภาคเจ็ดไม่ให้การแบบนั้น ผิดกันยังไงก็ไม่รู้ ก็ให้สัมภาษณ์กองปราบอีกแบบหนึ่ง ตอนหลังมีเปิดหน้าแต่คาดผ้าเพื่อไม่ให้คนจำหน้าได้ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่านายแผนคือใคร เราก็ไม่รู้ เมื่อวานคุณลุงให้สัมภาษณ์ตอนเช้า ยังไม่รู้เลยว่านายแผนคือใคร แต่พอตอนบ่าย นายคนนี้ไปกองปราบแล้วเปิดหน้าหมดเลย ให้สัมภาษณ์ คุณลุงเลยจำได้ ว่านายคนนี้เคยมาบ้านคุณลุงเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่จำได้เพราะวันนั้นมีผู้จัดการธนาคาร รองผู้จัดการธนาคารและนายแผน ตัวเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง สี่คนนี้มาหาคุณลุงเพราะตอนนั้นมีเรื่องการอายัดเงิน ทางคุณลุงไม่รู้จะปรึกษาใคร ผู้จัดการธนาคารเลยบอกว่าให้มาหาทนายตั้ม เขาช่วยได้ เขาเลยมาหาที่บ้านคุณลุงกัน นั่งคุยกัน 1 ชม. ที่บ้านคุณลุง ทีนี้นายแผนมาให้สัมภาษณ์สื่อว่าไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ไม่เคยได้ยินเรื่องหวย 30 ล้าน ไม่เคยเจอคุณลุงมาก่อน ทั้งที่ไปบ้านคุณลุงมา เรื่องนี้ผมรู้สึกว่ามันไม่ตรงกับความเป็นจริง เมื่อวานผมเลยเปิดเรื่องนี้ไป ตอนนี้เขาน่าจะได้ยอมรับแล้วแหละว่าเขาได้ไปบ้านคุณลุงจริง”

เขาบอกว่าทำไมไปพูดอย่างนั้น คนเราจำเป็นด้วยเหรอ ไปบ้านแล้วต้องรู้จักกัน เขาเป็นพนักงานขับรถธนาคารแห่งหนึ่ง วันนั้นเขาไปกับคนที่ทำงานเขา ไปนั่งพูดคุยกับลุงจรูญ?

ทนายตั้ม : “ผมคุยกับทางผู้จัดการธนาคารแล้ว เขาบอกว่าระหว่างทางก็มีการคุยกันถึงเรื่องนี้ เรื่องที่คุณลุงถูกอายัดเงิน ตอนลงไปก็ลงทั้งหมด และนั่งอยู่ในบ้านทั้งหมด ก็ถามกันว่าจะทำยังไง ทางผู้จัดการเขาก็หวังดีอยากจะช่วยคุณลุง เขาเลยพยายามแนะนำทนายให้ แล้วจะบอกว่าไม่รู้จำไม่ได้ มันก็ไม่ใช่”

เขาได้รับฟังมาตั้งแต่แรกในรถ?

ทนายตั้ม : “มันไม่ใช่แล้ว มันโป๊ะแตกเรื่องนี้”

เคยได้ยินดร.สุกิจ หรืออ.สุกิจมาก่อนมั้ย?

ทนายตั้ม : “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แต่เพิ่งจะมารับรู้เมื่อวันสองวันนี่เอง”

มีส่วนไปพัวพันหรือพูดถึงเขามั้ย ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง?

ทนายตั้ม : “อันนี้คงไม่ใช่ผมแล้วล่ะครับที่จะไปพูดถึงเขา เพราะว่าผมไม่ได้รู้จัก และไม่ได้ใส่ใจคนนี้มาก่อนเลย เขาจะมาให้ความเห็นทางกฎหมายอะไร ผมดูแล้วตลก บางทีไม่ได้อ่าน ไม่ได้สนใจ แต่ผมได้ยินมาเมื่อไม่นาน มีคนมาบอกว่ามีคนอยู่คนหนึ่ง พูดง่ายๆ เหมือนเป็นมาเฟียหน่อย มาขู่ผม ว่าทนายตั้มเนี่ยเหรอ แค่ 5 พันก็ยินกบาลได้แล้ว บอกว่าจะมาทำร้ายผม มีค่าหัวแค่ 5 พันบาท จะมาเฟียยังไง ก็เอาเถอะ ผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว”

ทนายตั้มเองก็คงเคยได้ยินว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหวย 30 ล้านคดีครูปรีชา?

ทนายตั้ม : “มีครับ มันก็มีกุนซือหลายคน แล้วคนที่เสนอตัวอยากเป็นทนาย แต่ฝ่ายโน้นไม่เอา ทนาย ดช. อยากเป็นทนายมากแล้วแต่ทางนั้นก็ไม่จ้างซักที ไปจ้างใครก็ไม่รู้ ถอนตัวไปคนหนึ่ง อีกคนอยู่ที่กาญจน์ คนที่เป็นกุนซือทำเรื่องร้องเรียนไปทั่วก็มีอยู่ ทนายมาเฟีย ผมบอกเลย คนนี้ถูกถอนใบอนุญาตซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายครั้งแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขายังเป็นทนายหรือเปล่าเพราะเท่าที่รู้มา เขาถูกถอนใบอนุญาตไปหลายครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว ทนายมาเฟียคนนี้เขาเป็นคนวางแผน ให้ร้ายทางตำรวจกองปราบ มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาโทร.ไปขอนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งในกองปราบว่าอย่าไปออกหมายจับพวกนี้เลย ตอนแรกโดนไปสองคน เขาก็เลยโดนสวนกลับมาว่าแล้วคุณเป็นใคร มีอำนาจอะไรมาสั่งผม ตัวเองมีพาวเวอร์ เป็นมาเฟียมาก โทร.ไปหาผู้ใหญ่ในกองปราบแล้วโดนเขาด่ากลับมา แล้วคนนี้เป็นคนที่วางแผนในเรื่องดาร์กๆ ทั้งหลาย ทำเรื่องไปขอความเป็นธรรมที่โน่นที่นี่ ไปร้องนายกฯ ไปร่างหนังสือมาแล้วก็มาปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ทำ แล้วเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอยากให้ผมถูกถอนใบอนุญาต ไอ้คนนี้แหละเพราะเขาบอกว่าคนอย่างผมถ้าเป็นทนายต่อไปพวกเขาจะลำบาก พยายามทำยังไงก็ได้ให้ผมไม่ได้เป็นทนาย ไม่ให้รับใช้ประชาชน”

เรื่องหวย 30 ล้าน มันกลายเป็นหนังใหญ่มากเลยนะ?

ทนายตั้ม : “ถ้าไม่มีผมซักคนในคดีนี้ คุณลุงจะเหลือใคร เพราะตอนนี้คนที่ออกมาสู้นอกจากผม คนที่ออกหน้ามีแค่ผม กับคุณอัจฉริยะ แค่ 2 คน แต่คุณอัจฉริยะเขาไม่ใช่ทนายความอยู่แล้ว แต่เขาก็ช่วยในเรื่องข้อมูล”

ประเด็นข้องใจ ทางฝั่งนั้นจะได้อะไรจากคดีหวย 30 ล้านบาท?

ทนายตั้ม : “ผมคิดว่าต้องมีผลประโยชน์ ถ้าไม่มีผลประโยชน์ เขาคงจะไม่ทำขนาดนี้ พวกกุนซือทั้งหลาย อย่างที่สองเขาอาจจะหมั่นไส้ผม เหมือนเป็นเด็กรุ่นใหม่และขึ้นมาไว ไฟแรง ขึ้นมาก็อยากจะถีบให้ลงไปอยู่ข้างล่างให้ได้”

ประเด็นคุณกุ้ง ดุษฎีใส่ชุดไทยสีเหลือง ทางคุณสุกิจไม่เชื่อว่าจะใส่วันที่ 27 เพราะยังเป็นวันไว้ทุกข์พ่อหลวง อีกอย่างคุณกุ้งเป็นข้าราชการจะใส่ในวันไว้ทุกข์พ่อหลวงได้ยังไง ?

ทนายตั้ม : “อันนั้นผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับ ว่าคนที่ไปเดินวันนั้นเขาจะใส่ชุดไหนอะไรยังไง จริงๆ ไม่อยากให้ไปสนใจประเด็นนี้ อยากให้สนใจประเด็นที่ว่าทางคนชื่อกุ้งเขาได้ไปตลาดเมื่อวันที่ 31 หรือเปล่าแค่นั้นเองไปแล้วได้เห็นหรือเปล่า ทางกองปราบผมก็เข้าใจว่าเขามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ คือสัญญาณโทรศัพท์ ว่าเขาได้ไปวันที่ 27 หรือวันที่ 31 กันแน่ ฉะนั้นเรื่องเสื้อผมว่ามันไม่ใช่สาระสำคัญ เอาตัวเขาดีกว่า ว่าตัวเขาได้ไปมั้ย วันไหน สำคัญกว่า”

เรื่องสัญญาณโทรศัพท์ อ.สุกิจสวนอีกแล้ว ว่าเอาไปวัดกันมั้ยว่าจะไม่มีได้ยังไงในเมื่อบ้านครูปรีชาไม่ได้ไกลตลาด เสาก็เสาต้นเดียวกัน?

ทนายตั้ม : “อันนั้นก็ต้องไปถามทางกองปราบว่าเขาเช็กสัญญาณโทรศัพท์ได้ละเอียดแค่ไหน ถ้าเกิดที่เห็นมีดร.คนหนึ่งขับรถแล้วไปยืนมองเสา ผมว่ามันก็ไม่ใช่แล้ว ดร.มโน ฮับราฮัมลินคอน เขาคนนี้มองเห็นเหรอ มันมีวิธีของเขา เรื่องวิทยาศาสตร์ผมก็ไม่รู้ แต่เขาสามารถบอกจุดได้ว่าอยู่ตรงไหน ประมาณไหน ยังไง ถึงแม้ไม่แม่นยำแบบจีพีเอส แต่ผมเคยทำคดี เขาก็บอกได้ว่าอยู่ตรงเส้นไหน ตำบลอะไร จะมาบอกได้เป็นช่วงๆ ที่ใช้โทรศัพท์เลย แต่ไปมองด้วยตาเปล่า ตลก”

มีการไปร้องสภาทนายความ แล้วเขาจะแจ้งความทนายตั้มด้วย?

ทนายตั้ม : “แจ้งสิ แจ้งข้อหาอะไร เมื่อวานผมไปออกรายการ ถ้าเกิดมีคำไหนที่ผมหมิ่นประมาทออกรายการ คุณก็สามารถดำเนินคดีได้เลย ผมก็จะยอมเลย ถ้าผมไปหมิ่นคุณจริงๆ แต่ถ้าผมไม่ได้หมิ่นคุณและคุณมาแจ้งเท็จเนี่ย คุณก็ต้องเตรียมตัวรับผลของคุณด้วย”

คุณแผนบอกว่าทางทนายตั้มพูดพาดพิงถึงเขาว่าเขาไปเอ่ยว่าทางท่านฐิติราชไปข่มขู่ เขาไม่เคยพูดเลย ไปพูด ไปขุดคุ้ยทำให้เขาได้รับความเสียหาย?

ทนายตั้ม : “ก็ให้เป็นไปตามกฎหมายแล้วกันนะครับ ถ้าผมไปพูดหมิ่นประมาทเขา เขาก็มีสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดี แต่ก็อย่างที่ผมบอก ถ้าผมไม่หมิ่นเขา แล้วผมบอกว่าชื่อแผน แผนไหนล่ะ ชื่อจริงชื่ออะไรล่ะ ผมบอกแค่ชื่อนายแผน ไม่ได้บอกชื่อนามสกุลและไม่มีหน้ามาโชว์ คุณก็ไปแจ้งความเอาล่ะกัน เอาให้ได้ล่ะกัน”

เครียดมั้ย?

ทนายตั้ม : “ก็มีเรื่องหนักใจ จริงๆ มีเรื่องก่อนมาออกรายการด้วยนะ ผมไม่อยากมาออกรายการ มีหลายอย่างต้องคิดอยู่ ก็เรื่องนี้แหละ ไปร้องผมต่อสภาทนายความ รู้สึกเครียดเหมือนกันนะว่า ถ้าร้องธรรมดา แต่ทำไมคุณต้องตั้งโต๊ะเหมือนกับคุยกันมาแล้ว อะไรหรือเปล่า เอาผู้เสียหายมานั่งแล้วมาด่าผมปาวๆ แล้วบอกว่าเวลาทำคดีต้องให้ศาลตัดสินก่อนอย่าเพิ่งไปตัดสิน แต่คุณมานั่งด่าผมเรียบร้อยแล้ว คืออุปนายกคนนี้เขาดูแลกำกับเรื่องมารยาทจริง แต่ว่าเขาไม่มีอำนาจและเกี่ยวข้องกับคดีมารยาทเลย คนที่มีอำนาจคือกรรมการมารยาท แต่อุปนายกคนนี้ผมเข้าใจ คงอยากออกสื่อ”

ไม่กลัวเขาบอกว่าพาดพิง?

ทนายตั้ม : “ถ้าเสียหายก็ฟ้องมาสิ”

วันนี้ดูมีอารมณ์?

ทนายตั้ม : “ก็ขอโทษท่านผู้ชมด้วยครับ ก็ยอมรับว่ามีอารมณ์นิดหน่อย ทำคดีนี้กดดันอยู่แล้ว มีหลายอย่างถาโถมเข้ามา แล้วมีหลายคดีให้ต้องรับผิดชอบ อย่างวันนี้ผมไปสมุทรสาครเสร็จต้องวิ่งไปราชบุรี ไปเคลียร์คดีให้เขา ตกลงค่าเสียหายเสร็จแล้วก็มาหาคุณหนุ่ม”

โจทก์เยอะมั้ย?

ทนายตั้ม : “มันก็มีอยู่แล้วครับที่คนไม่ชอบ”

เรื่องฏีกาปี 30 ที่ท่านผบ.ตร. ได้หยิบยกขึ้นมาพูดในวันมีหมายจับทางครูปรีชา แต่มีกระแสอกมาว่าจริงๆ ฎีกาฉบับนั้นต้องอ่านให้หมด คดีก่อนหน้านั้นศาลสั่งให้กองสลากจ่ายเงินให้กัผู้ที่ไม่ได้ถือสลาก ส่วนทาง อ.สุกิจบอกว่าเรื่องนี้เป็นฎีกาของแพ่งจะเอามาใช้อาญาได้ยังไง?

ทนายตั้ม : “ก็เป็นเรื่องของแพ่งอยู่แล้ว เขาก็พูดกันถึงเรื่องแพ่ง ไม่มีใครพูดถึงอาญา เรื่องฏีกาต่างคนต่างพูดไม่หมดกันทั้งนั้น อย่างตำรวจคนแรกที่มาแถลง ท่านผบ.ตร. ท่านก็อาจจะได้ข้อมูลมานิดนึง ท่านก็แถลงไปไม่หมด ส่วนกลุ่มที่สองออกมาแถลงก็แถลงเข้าข้างฝ่ายที่ตนเองคิด ก็แถลงไม่หมดอีก ก็บอกว่าผู้ที่ทำสลากหายได้เปรียบ ศาลให้ชนะ เอาจริงๆ จะเล่าให้ฟัง ฏีกาปี 30 เกิดจากคนที่ถูกล็อตเตอรี่แล้วไปแจ้งความก่อนที่รางวัลจะออก ไม่ใช่อย่างเคสนี้ เคสนี้แจ้งหลัง แล้วเคสนั้นเขาได้ถ่ายเอกสารไว้ เขาได้ขอเอาเอกสารตัวนี้ไปขึ้นเงิน แต่ทางกองสลากไม่ให้ ไม่มีคู่กรณีมาแย่งสิทธิ์นะ กองสลากเขาปฏิเสธการจ่ายเพราะกองสลากบอกว่าต้องเอาตัวจริงมา ทีนี้ก็เลยมีการไปฟ้องศาล มีการโต้แย้งสิทธิ์กันแล้ว ฟ้องศาล ศาลก็บอกว่าถือว่าเขาได้มีสลากเคยอยู่ในความครอบครองของเขามาก่อน ถึงแม้ว่าเป็นสำเนาที่ถ่ายมา แต่ก็ให้กองสลากจ่าย คู่กรณีคือกองสลาก แต่ถามว่าจะเหมือนกับเคสคุณลุงจรูญมั้ย ไม่เหมือน เพราะอย่างแรก เคสคุณลุงจรูญแจ้งทีหลัง ตามความเห็นของศาลฏีกา สองคือคู่กรณีฝ่ายนั้นคือกองสลาก ไม่ใช่คนที่มาโต้แย้งสิทธิ์กันเหมือนเรื่องนี้ ที่มีการออกมายืนยัน แอบอ้างว่าหวยหาย”

จะเอามารวมกันก็ไม่ได้?

ทนายตั้ม : “ต่างคนต่างหามุมที่ฝ่ายตัวเองได้ประโยชน์นะครับ เวลาเราตีความกฎหมายอย่าไปทำเหมือนศรีธนชัย เราต้องเล่าความจริงออกมาให้หมด ประชาชนเขาจะได้ความรู้ด้วย ไม่งั้นมันจะเสียเปรียบ เราบอกไปเลยว่ามันมีมูลเหตุยังไง อย่างน้อยประชาชนเขาได้ฟังเขาจะได้ความรู้ไปด้วย”

ทางแผนเขาออกมาพูดว่าทางทนายตั้มไปทำให้วันนี้เขาเหมือนต้องออกจากงาน อยู่ไม่ได้?
ทนายตั้ม : “ผมว่าเขาทำตัวเองมากกว่าเพราะเรื่องนี้ผมคุยกับทางผู้จัดการธนาคารเขาตลอด เขาก็บอกว่าแผนก็ไม่สมควร เพราะเขารู้เรื่องราวว่าจริงๆ เป็นยังไง ก็ไม่รู้เขาลาออกหรือถูกไล่ออก แต่วันนี้ธนาคารไม่เอาเขาทำงานแล้ว ส่วนเขาจะไปเผชิญชะตากรรมยังไง มันเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจทำในวันนี้ ซึ่งสิ่งที่เขาทำในวันนี้ก็จะเป็นผลที่เขาจะได้รับในอนาคต จะเป็นอะไรยังไงต่อไป ก็คือสิ่งที่เขาทำวันนี้”

ในมุมทนายตั้ม เจ๊เกียวจะเป็นยังไง?
ทนายตั้ม : “กองเชียร์หลายๆ คนก็อยากให้ดำเนินคดีกับเจ๊เกียว แต่ผมบอกเลยว่าตัวผมเองไม่รู้ว่าเจ๊เกียวเคยให้การยังไง แต่ถ้าเจ๊เกียววันนึง ปากฎว่าเจ๊เกียวไปให้การที่ปรากฏสาระสำคัญในคดี แล้วเป็นความเท็จ ก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วยแน่นอน แต่ทีนี้ผมไม่อยากให้หลายๆ คน เอาความสะใจ ว่าคนนี้น่าหมั่นไส้ ไปเล่นงานมัน ต้องดูตามพยานหลักฐานทางคดีอาญา อย่างของทางครู เจ๊บ้าบิ่นหรือเจ๊พัชที่ถูกดำเนินคดีตอนนี้เพราะทางตำรวจเขามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพวกนี้กระทำความผิด”

รวมถึงตอนนี้ทางเขามีการพูดว่าทางทนายตั้มเอาเกราะมหาชนปกป้องตัวเองรวมถึงลุงจรูญ?
ทนายตั้ม : “จริงๆ เละเทะไม่ได้เกี่ยวกับผม มันเป็นสิ่งที่พวกเขานำเสนอ ถ้าเขาพูดความจริง ประชาชนอาจมาว่าฝ่ายนี้ก็ได้ว่าโกหก แต่เรื่องที่เราเล่าคือความจริง จะไปบอกว่าผมใช้เกราะเป็นประชาชนผมไม่เคยใช้เลย แต่ประชาชนเขาเห็นว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เขารักลุงจรูญและห่วงผมในการทำงาน เขาก็เลยเสนอมาเป็นเกราะคุ้มภัยเท่านั้นเอง”

ถ้าต้องขึ้นศาล ทนายตั้มสามารถเอาสำนวนกองปราบขึ้นทางแพ่งได้?
ทนายตั้ม : “เราก็ต้องขออำนาจศาลให้ศาลหมายเรียกหลักฐานต่างๆ มา”

ในมุมครูปรีชา ถ้าเขาบอกว่าเขาเอาสำนวนภาคเจ็ดขึ้นได้เหมือนกัน?
ทนายตั้ม : “ก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่กับเขา แต่ถามว่าตอนนี้สำนวนภาคเจ็ดยังมีน้ำหนักอยู่หรือเปล่า เพราะพนักงานสอบสวนทำคดีให้เขา ร้อยตำรวจเอก พันตำรวจโท ได้บอกแล้วว่าสำนวนนั้นเป็นเท็จ เขายอมรับแล้วว่ามีการบิดสำนวนจริง แล้วจะมีน้ำหนักเท่าไหร่ ถ้าจะเอาขึ้นไปก็เอาขึ้นไปได้ เอาไปดูเล่นได้ ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ทางตร.ทำสำนวนก็ไม่ให้คนนอกเห็นอยู่แล้ว”

มีความหนักใจ?
ทนายตั้ม : “ในเรื่องคดีไม่มีความหนักใจเลยเพราะพยานหลักฐานที่เรามี ทางตำรวจรกองปราบสอบสวนกลางเขาทำมาค่อนข้างจะดี และเราก็ต้องขอหมายเพื่อเรียกทางตำรวจกองปราบประดับพันตำรวจเอกขึ้นไป และสำนวนสอบสวนมาใช้ในคดีแพ่ง เราไม่มีความหนักใจอะไรเลยประกอบกับเรามีพยานหลักฐานของเราพอควรแล้ว”

ประเด็นเพิกถอนเงินอายัด ทางเขาบอกว่าไม่มีอะไรไปขอเพิกถอนได้?
ทนายตั้ม : “(หัวเราะ) ตลกมากเลย คนพูดเขารู้กฎหมายหรือเปล่า ถ้าไม่มีคดีอาญาแล้วผมไปขอสำนวนมา เอาให้ศาลพิจารณา ศาลก็เห็นแล้วว่าพยานคนไหนโกหก เพราะเขามีพยานบุคคลอย่างเดียว แต่ผมมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้วย จะไปถอนตอนไหนก็ได้อยู่แล้ว แต่ดุลยพินิจก็อยู่ที่ศาล แต่ผมเชื่อว่าถ้าศาลเห็นพยานหลักฐานจะมีดุลยพินิจไปทางไหน ซึ่งผมไม่บอกคุณหนุ่ม แต่เรื่องผมไปถอนตอนไหนเป็นสิทธิ์ของผมกับของคุณลุง คือถ้าวันใดวันหนึ่งสำนวนพยานคดีอาญา อัยการเขาเอาขึ้นไปสืบพยานแล้ว วันนั้นแหละเป็นวันที่เอาสำนวนมาสู้ในทางแพ่ง คือคุณลุงเขามีความเดือดร้อนในเรื่องเงินอยู่แล้ว แล้วเขาก็บอกว่าก็เอาให้มันหายข้องใจกันไปเลย เขาไม่รีบร้อน เขาก็ใจบริสุทธิ์อยู่แล้ว”

เรื่องอาญา ที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน เขาบอกว่าเป็นเรื่องราวของพยานเท็จเท่านั้น เป็นเรื่องของการให้การเท็จ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องราวศาล?
ทนายตั้ม : “ใครจะพูดแบบศรีธนชัยก็พูดได้ แต่ว่าถ้าจะเอาตามหลักความเป็นจริง ถ้าศาลอาญาตัดสินมาว่าพวกนี้ให้การเท็จหมด แล้วผมเอาคำพิพากษาไปให้กับคดีแพ่งดู คิดว่าคดีแพ่งจะเป็นยังไง เขาก็ต้องมีดุลยพินิจ ว่าพวกนี้ไม่มีความจริงเพราะอะไร ท้ายที่สุดอาจไม่ใช่คดีเดียวกัน ที่คดีแพ่งอาจต้องไปถือตามคดีอาญาในประเด็นนั้นก็ตาม แต่มันสมารถเอาไปประกอบดุลยพินิจของศาลได้”

คิดว่าจะมีตัวละครเพิ่มมั้ย เท่าที่นับๆ ดู ครูปรีชา เจ๊เกียว บ้าบิ่น พัช ดร.เทอดศักดิ์ กุ้ง ฟ้า แผน ล่าสุดอ.สุกิจ 9 แล้วนะ?
ทนายตั้ม : “แล้วผมว่าพวกแรกๆ 6 7 8 หายสาปสูญไปแล้ว พูดไปไม่มีใครเชื่อ เรื่องราวเป็นยังไงทุกคนรู้ดี ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 2 อันที่ประชาชนต้องตัดสิน คนแรกคือนาย ผ. คนที่ 2 คือทนายมาเฟีย สองคนนี้ที่ผมว่าเป็นด่านสุดท้าย หมดสองคนนี้ คุณลุงคงสงบสุขซะที ผมว่าไม่มีแล้วนะ ถ้ามีก็พร้อม ถ้ามีก็มาอีก พร้อมจะสู้ต่อให้ถึงที่สุด”

วันนี้ถ้าสภาทนนายความเขาประชุมกันแล้วบอกว่ามารยาททนายความไม่เหมาะสม?
ทนายตั้ม : “ถ้าบอกว่าไม่เหมาะสมแล้วจะถอนผมจากการเป็นทนายความ ผมก็ต้องมานั่งคิดแล้ว ว่าผมจะทำอะไรต่อไปดี อาจมาขอคุณหนุ่มเป็นเด็กยกไฟก็ได้ ผมก็ไม่รู้อนาคตตัวเอง ตอนนี้เรารู้แค่ว่าเราทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ถึงแม้ผู้ใหญ่สภาทนายความเขาไม่เห็นด้วยก็ตาม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image