นาเซอร์ ชาดลี่ กลายเป็นซุปเปอร์ซับลงมาซัดประตูชัยให้ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม พลิกนรกแซงคว้าชัยเหนือ “ซามูไรบลู” ญี่ปุ่น 3-2 ทะลุผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย สมัยที่ 2 ติดต่อกัน…
ปีกซ้ายวัย 28 ปีรายนี้เริ่มต้นค้าแข้งกับ อาเปลดอร์น ในลีกดัตช์ เมื่อปี 2007 ก่อนย้ายเล่นกับ ทเวนเต้ เมื่อปี 2010 และโชว์ฝีเท้ายอดเยี่ยมจนเตะตา ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทีมดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คว้าตัวไปร่วมทัพเมื่อปี 2013 และย้ายไปเล่นให้กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน
ชาดลี่ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่เคยเล่นให้กับ 2 ชาติ โดยเขาเคยเล่นให้ โมร็อกโก ตามเชื้อสายของผู้เป็นพ่อ เมื่อปี 2010 ในเกมอุ่นเครื่องเสมอกับ ไอร์แลนด์เหนือ 1-1 พร้อมคว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์อีกด้วย
แต่ชาดลี่ตัดสินใจเปลี่ยนใจมาเล่นกับเบลเยียม ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง เมื่อปี 2011 ในยุคกุนซือ จอร์จส์ ลีเก้นส์ โดยประเดิมสนามนัดแรกในเกมอุ่นเครื่องกับ ฟินแลนด์ และใช้แค่ 1 เดือนยิงประตูแรกนามทีมชาติในเกมรอบคัดเลือก ยูโร 2012 ถล่มชนะ อาเซอร์ไบจาน 4-1
“ผมเลือกเล่นให้โมร็อกโกแล้ว แต่ผู้จัดการทีมเบลเยียมแนะนำให้ลองเข้ามาอยู่กับทีมก่อน และค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ผมจึงไปร่วมทีมเพื่อให้แน่ใจว่าอยากจะเล่นให้เบลเยียมเต็มร้อย ผมยังรักโมร็อกโกนะ แต่มีบางอย่างที่ผมไม่ค่อยแน่ใจ เพราะโมร็อกโกมีแรงกดดันบางอย่างกับผม แต่สำหรับเบลเยียมไม่มีแรงกดดันใดๆ และทำให้ผมรู้สึกคิดถูก” ชาดลี่ อธิบาย
ชาดลี่เล่นให้เบลเยียมไปแล้ว 48 นัด ยิงไป 6 ประตู แต่ประตูสำคัญที่เชื่อว่า เขาจะไม่มีลืมเลือนก็คือ การซัดชัยพาบ้านเกิดของตัวเองทะลุเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย และต่อความหวังในการคว้าแชมป์โลกสมัยแรกมาครองให้ได้!
