นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า อย่างที่ทราบกันว่าในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่กรุงจาการ์ตา-เมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย ครั้งนี้เหล่ากีฬาที่ได้รับการบรรจุใหม่หลายๆ ชนิด นักกีฬาไทยสามารถทำผลงานกันออกมาได้ดี และก็มีบางชนิดกีฬาที่ผลงานตกลงไป ดังนั้นทาง กกท. จะต้องกลับไปคุยกับ สมาคมกีฬาต่างๆ ว่าจะพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นอย่างไร
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า กกท.จะรับฟังเหตุผลของทุกสมาคมกีฬา ก่อนมาวิเคราะห์ว่าสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เพราะจริงๆ แล้วแผนของการเตรียมนักกีฬาไทยยังมีอีก 2 ปีข้างหน้าคือ “โร้ด ทู โตเกียว” หรือ กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปีหน้าในส่วนของกีฬาซีเกมส์ 2019 และมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตทัวร์นาเมนต์ต่างๆ จะมีการบรรจุกีฬาชนิดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เราจึงต้องเตรียมนักกีฬาที่หลากหลายมากขึ้นด้วย
รองผู้ว่าการ กกท.กล่าวเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาประเมินความหวังของทัพไทยไว้ที่ 13-15 เหรียญทอง ซึ่งเป็นการหักค่าความเสี่ยงต่าง ๆ แล้ว ไม่ใช่ตัวเลข 17 เหรียญทองอย่างที่เข้าใจกัน ซึ่งมองแล้วในช่วงเวลาที่เหลือ นักกีฬาไทยยังมีโอกาสที่จะทำได้ โดยมี ตะกร้อ และมวยสากล ที่ไทยเข้ารอบลึกได้หลายรุ่น รวมทั้ง เรือใบ ก็ยังมีหวังอยู่
“ทางคณะเตรียมนักกีฬาไทยได้ทำการวิเคราะห์ และประเมินไว้แล้วว่าทัพนักกีฬาไทยน่าจะทำได้ 13-15 ทอง เป็นตัวเลขที่หักความกดดัน และสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันของนักกีฬาแล้ว ซึ่งมองแล้วในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึงสัปดาห์นี้ทัพไทยยังมีโอกาสที่จะทำได้อยู่โดยมีชนิดกีฬาอย่างเช่น ตะกร้อ, มวยสากลที่ไทยเข้ารอบลึกได้หลายรุ่น รวมทั้งเรือใบก็มีหวังอยู่” นายณัฐวุฒิกล่าว
