‘เดวิสคัพไทย’ ตาม ‘เลบานอน’ 0-2 หวังแซงชนะวันสุดท้าย เลื่อนขึ้นกลุ่ม 1 โซนเอเชีย/โอเชียเนีย

ทีมหวดหนุ่มไทยตามหลังเลบานอน 0-2 คะแนน ในวันแรกของการแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย รายการ “เดวิสคัพ 2018” รอบชิงชนะเลิศ กลุ่ม 2 โซนเอเชีย/โอเชียเนีย ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ สมาคมกีฬาเทนนิสฯ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 15 กันยายน

การแข่งขันคู่แรก ประเภทเดี่ยวสลับมือ “จูเนียร์” วิชยา ตรงเจริญชัยกุล นักหวดเดี่ยวมือหนึ่งไทย วัย 23 ปี มือ 453 ของโลก ประเดิมสนามพบ ฮาดี้ ฮาบิบ เดี่ยวมือสองของเลบานอนดาวรุ่งวัย 20 ปี เชื้อสายสหรัฐ มือ 643 ของโลก โดยเกมเซตแรกวิชยาอาศัยลูกเสิร์ฟหนักหน่วงทำแต้มเบรกได้ในเกมที่ 5 ขึ้นนำก่อน 3-2 ก่อนที่จะรักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองหวดปิดเซตเอาชนะไปได้ก่อน 6-4

จากนั้นเซตสองทั้งคู่ต่างผลัดกันรักษาเกมเสิร์ฟเก็บแต้มเท่ากัน 4-4 แต่เกมต่อไปวิชยาได้โอกาสเบรกเกมเสิร์ฟถึง 3 ครั้ง แต่ทำไม่สำเร็จ ก่อนแต้มมาเสมอกันที่ 6-6 ต้องตัดสินกันที่การดวลไทเบรก ปรากฏว่า วิชยาตีเสียเองจนพ่ายไป 2-7 ทำให้เสมอกัน 1-1 เซต

Advertisement

เซตสามนักหวดหนุ่มไทยพลาดท่าโดนเบรกเกมเสิร์ฟในเกมที่ 4 ตามหลัง 1-3 จากนั้นวิชยาเริ่มมีอาการตะคริวขึ้นที่น่องซ้าย จนต้องเรียกแพทย์มาดูอาการ และแข่งขันต่อได้มาเบรกเสิร์ฟคืนเสมอกัน 3-3 แต่เกมต่อมาวิชยาก็โดนเบรกคืนทันควันตามหลัง 3-4 และโดนนำ 3-5 วิชยามีอาการเจ็บตะคริวน่องซ้ายกำเริบ จนต้องขอยอมแพ้ไปขณะที่สกอร์ตามหลัง 3-5

สรุปผล วิชยา ตรงเจริญชัยกุล แพ้ ฮาดี้ ฮาบิบ 1-2 เซต 6-4, 6-7(2) และ 3-5 โดยวิชยาขอยอมแพ้ เนื่องจากมีอาการตะคริวที่น่องซ้าย ใช้เวลาแข่งขัน 2 ชั่วโมง 3 นาที ทำให้ทีมไทย ตามหลัง เลบานอน 0-1 คู่

ขณะที่คู่สอง “เน็ต” พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ เดี่ยวมือสองไทย ดาวรุ่งวัย 19 ปี มือ 1,398 ของโลก ลงดวลแร็กเก็ตกับ เบนจามิน ฮัสซัน เดี่ยวมือหนึ่งของเลบานอน วัย 23 ปี เชื้อสายเยอรมัน มือ 370 ของโลก เกมเซตแรกพลภูมิโดนเบรกก่อนในเกมที่ 4 ตามหลัง 1-3 แต่ฮึดหวดเบรกคืนไล่มา 2-3 ก่อนตีเสียเองจนโดนเบรกในเกมที่ 8 ตามหลัง 3-5 และแพ้ไปก่อน 3-6

Advertisement

เซตสองเริ่มต้นมาผลัดกันเบรกเกมเสิร์ฟเสมอกัน 1-1 ถัดมาในเกมที่ 5 พลภูมิโดนเบรกอีกครั้ง แต่ก็สวมหัวใจสู้หวดเบรกคืนได้ในเกมต่อไปเสมอกัน 3-3 ก่อนที่นักหวดเลบานอนอาศัยความเก๋าหวดเบรกขึ้นนำไปที่ 4-3 และรักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองหวดเอาชนะไปได้ 6-4

สรุปผล พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ แพ้ เบนจามิน ฮัสซัน 0-2 เซต 3-6, 4-6 ใช้เวลาการแข่งขัน 1 ชั่วโมง 12 นาที ทำให้จบการแข่งขันวันแรก ทีมเดวิสคัพไทย ตามหลัง เลบานอน 0-2 คู่

ภายหลังการแข่งขัน “จูเนียร์” วิชยา เปิดเผยว่า แมตช์นี้ก็มีอาการตะคริวขึ้นนิดหน่อย แต่โดยรวมก็รักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองไว้ได้ ในเซตสองมีโอกาสเบรก แต่คู่แข่งก็ต้านเบรกพอยต์ไว้ได้ ส่วนแมตช์ต่อไปในประเภทเดี่ยวชนมือต้องเจอคู่แข่งที่มีประสบการณ์ แต่ก็จะยังเล่นตามเกมตัวเองบุกกดดันคู่แข่งไว้ก่อน

ขณะที่ “เน็ต” พลภูมิ กล่าวว่า แมตช์นี้ถือว่าค่อนข้างพอใจ เพราะคู่แข่งมีประสบการณ์สูงกว่า แต่ก็สู้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาแสดงความสามารถออกมาให้ได้เห็น ส่วนแมตช์ต่อไปจะเจอคู่แข่งที่อายุห่างกันแค่ปีเดียว และเล่นสไตล์บุก ซึ่งตัวเองชอบเล่นกับคนที่เล่นเกมบุกอยู่แล้ว และจะพยายามเล่นอย่างเต็มที่

นายวีรภัทร ดอกไม้คลี่ กัปตันทีมไทย กล่าวว่า ไม่เสียใจที่เสีย 2 แต้มแรก เพราะนักกีฬาเล่นได้ตามแผนที่เอาไว้ และสู้เต็มที่ ต้องชื่นชมนักกีฬาที่มีสมาธิกับเกม และผ่านความกดดันมาได้ ส่วนแมตช์ต่อไปในประเภทเดี่ยวคู่ และเดี่ยวชนมือนั้นก็พอได้เห็นจุดที่เราจะสามารถเล่นอย่างไรให้ได้เปรียบคู่แข่งอยู่พอสมควรจากแมตช์วันนี้

พ.ต.อ.วัสสา วัสสานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมไทย กล่าวว่า พอใจในภาพรวมผลของวันแรก เพราะถ้าดูสกอร์ในค่อนข้างสูสีกันมาก รวมทั้งคู่แข่งเขามีแรงกิ้งสูงกว่า และประสบการณ์มากกว่า สำหรับอีก 3 แมตช์สุดท้าย เราจะต้องมีแต้มแรกจากประเภทคู่ก่อนลุ้นเดี่ยวชนมือ โดนเชื่อว่าเรายังมีโอกาสลุ้นอยู่ และเกมจะออกมาสูสีแน่นอน

ด้าน “ต้น” สนฉัตร รติวัฒน์ และ “ต้อง” สรรค์ชัย รติวัฒน์ คู่นักหวดจอมเก๋าวัย 36 ปี กล่าวว่า แมตช์วันพรุ่งนี้ในประเภทคู่สำคัญมาก เพราะถ้าพลาดก็จบ แต่ถ้ามีแต้มสถานการณ์มีโอกาสพลิกผันได้ ซึ่งก็รู้สึกกดดันเป็นปกติ แต่ก็จะเล่นตามเกมของตัวเอง เพื่อเก็บแต้มแรกให้ได้

สำหรับการแข่งขันวันสุดท้ายในวันที่ 16 กันยายน คู่แรก เริ่มเวลา 10.00 น. ประเภทเดี่ยวคู่ “ต้น” สนฉัตร รติวัฒน์ คู่มือ 123 ของโลก และ “ต้อง” สรรค์ชัย รติวัฒน์ คู่มือ 122 ของโลก พบ ฮาดี้ ฮาบิบ คู่มือ 1,379 ของโลก และโจวานี่ ซามาฮา คู่มือ 1,187 ของโลก จากนั้นจะต่อด้วยประเภทเดี่ยวชนมือ วิชยา ตรงเจริญชัยกุล พบ เบนจามิน ฮัสซัน และปิดท้ายด้วย พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ พบ ฮาดี้ ฮาบิบ โดยทีมชาติไทยจำเป็นที่จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้หมดทั้ง 3 คู่ จึงจะเป็นฝ่ายชนะ พร้อมกับได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่กลุ่ม 1 ของโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ในปีหน้า แต่ถ้าหากแพ้จะคงสถานะอยู่กลุ่ม 2 ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image