พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, นายสุพล อุทินทุ ผอ.สำนักประสานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ร่วมแถลงข่าวฟุตบอล “ช้าง เอฟเอคัพ 2018” รอบชิงชนะเลิศ ที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม
ช้าง เอฟเอคัพ 2018 รอบชิงชนะเลิศ จะเป็นการพบกันระหว่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ 4 สมัย กับ “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์เก่าปีที่แล้ว แข่งขัน ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 19.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม โดยแชมป์รายการนี้จะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท และได้สิทธิไปเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 รอบคัดเลือก รอบสอง
สถิติในการเจอกันของทั้งสองทีม เจอกันมา 18 ครั้ง รวมทุกรายการ บุรีรัมย์ชนะ 10 นัด เชียงรายชนะ 4 นัด และเสมอ 4 นัด ขณะที่การเจอกัน 4 นัดหลังสุด เชียงรายชนะไป 3 ครั้ง และบุรีรัมย์ชนะ 1 ครั้ง
โบซิดาร์ บันโดวิช หัวหน้าโค้ชบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า ฤดูกาลนี้เป็นฤดูที่ยาวนานและประสบความสำเร็จอย่างดี ทุกนัดมีการเตรียมตัวดีที่สุดในแต่ละแมตช์ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบุรีรัมย์สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้ การได้แชมป์รายการนี้จะเป็นการพัฒนาไปสู่ขั้นต่อไปของทีม ตนไม่ได้อยากให้ผู้เล่นกดดันกับถ้วยรายการนี้ แต่อยากให้เล่นไปตามแผนที่ซ้อมกันไว้ เพื่อประสบความสำเร็จคว้าแชมป์กลับไปบุรีรัมย์ให้ได้อีกครั้ง นักเตะที่มีปัญหาอาการเจ็บ คือ ศุภโชค สารชาติ และจักรพันธ์ แก้วพรม รายหลังมีโอกาสที่จะลงเล่นได้ แต่ต้องเช็กความฟิตอีกครั้ง
“สำหรับสถิติที่บุรีรัมย์แพ้เชียงรายมาแล้ว 3 ใน 4 เกมหลังนั้น ไม่ได้สนใจกับอดีตที่ผ่านมา เพราะต้องอยู่กับปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น แต่อยากให้ทุกคนเล่นกันเป็นทีม ไม่มีใครสามารถเล่นคนเดียวได้ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้มา เมื่อถึงเวลาแข่งขัน ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกแมตช์” บันโดวิชกล่าว
นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ผอ.สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถิติบุรีรัมย์ดีกว่าเชียงรายเยอะ แต่ช่วงหลังถือว่าเชียงรายพัฒนาตัวเองมาจนใกล้เคียงกับบุรีรัมย์มากขึ้นเรื่อยๆ ในฟุตบอลลีก บุรีรัมย์เป็นทีมที่ดีที่สุด แต่ในฟุตบอลถ้วย เชียงรายทำได้ดีมากเช่นกัน มั่นใจว่าถ้วยรายการนี้จะอยู่ที่ภาคเหนือต่อไป ส่วนสภาพนักเตะ ทุกคนฟิตสมบูรณ์ มีเพียงวิลเลี่ยม กองหน้าที่มีอาการกล้ามเนื้อตึง คนเดียวเท่านั้น
“บุรีรัมย์เป็นทีมที่ดีที่สุดก็จริง แต่เชื่อว่าทีมที่บุรีรัมย์ไม่อยากเจอที่สุดคือ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เพราะสามารถเอาชนะในถ้วยนี้เมื่อปีที่แล้ว” นายชิตวันกล่าว
