ทัพปัญญาชนไทยคว้ารวม 54 ทอง ทะลุเป้าแล้ว การันตีแชมป์ ม.อาเซียนสมัยที่ 7

ทัพนักกีฬาปัญญาชนไทยคว้าเหรียญทองรวม 54 เหรียญ ทะลุเป้า 51 เหรียญแล้ว และแทบจะการันตีเป็นเจ้าเหรียญทองอีกสมัย ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ครั้งที่ 19 ที่กรุงเนปยีดอ ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม และเหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 วันเท่านั้น

เซปักตะกร้อ ทีมเดี่ยว 3 คน หยิบเหรียญทองสมัยที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากนัดสุดท้ายของรอบพบกันหมด สิทธิพงษ์ คำจันทร์ เจ้าของเหรียญทองคู่ทีมชุดชาย เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18, สถิตย์ สุดสังข์, คมกริช แก้วคำจันทร์ รวมทั้งพุทธิพงษ์ ภักดี และ จิระศักดิ์ ผักบัวเงิน ชนะ “เจ้าภาพ” พม่า 21-16, 21-18 ทำให้ไทยชนะ 4 นัดรวด ผลงานดีที่สุดใน 5 ชาติ ได้เหรียญทองไปครอง และเป็นเหรียญทองที่ 51 ของทัพไทย

นายสุริยันต์ สุริยุทธ ผู้ฝึกสอนเซปักตะกร้อปัญญาชนไทย กล่าวว่า ถือว่าเป็นผลงานที่เป็นไปตามคาดหมาย ทีมเดี่ยวชายไทยยังคงสามารถป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถิอว่าเราเป็นแชมป์ 4 สมัยติดแล้ว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในการแข่งขันทีมเดี่ยว 3 คนนี้นักกีฬาไทยพัฒนาการและฝีมือค่อนข้างเหนือกว่าหลายชาติในอาเซียน แต่เราจะเป็นรองในประเภทคู่นั้นหลายชาติค่อนข้างพัฒนาได้เร็ว และแข็งแกร่งมาก ซึ่งเราเองก็ต้องกลับไปพัฒนานักกีฬาให้มากขึ้นด้วย

Advertisement

เปตองคว้าทองที่52ให้ไทยเกินเป้าแล้ว
เปตองได้อีก 1 เหรียญทอง จากประเภททีมชาย ภูมิศิลา ศิริสัมพันธ์, สิทธิชัย กลิ่นเจริญ, อนุพล ภาทันณ์ และ จักรกฤษณ์ ต๊ะวิโล(สำรอง) ใช้ความแม่นยำสอนเชิงกัมพูชา 13-0 คะแนน  คว้าเหรียญทองที่ 52 ให้ไทย ทำให้ทะลุเป้า 51 เหรียญที่วางไว้แล้ว ส่วนทีม 3 คนหญิง ประกอบด้วย แก้วทิพย์ กรรโณ, ปณิดา สำอางกิจ, ธนาพร เอี่ยมสอาด และ ธัญญาวดี ทิพย์ลาย รอบรองชนะเลิศ แพ้ กัมพูชา 12-13 ก่อนชิงเหรียญทองแดง ชนะอินโดนีเซีย 13-6 ได้เหรียญทองแดง

คาราเต้ชิง5รุ่นเก็บได้2ทอง3เงิน
คาราเต้-โดไทยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ 5 รุ่น คว้ามาได้ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน รุ่น 61 กก.หญิง ณีรนุช แตงเลี้ยง ชนะ วินาร์นี ไตร(อินโดนีเซีย) 1-0 รุ่น 75 กก.ชาย ธีรภัทธ์ ขนาบแก้ว ชนะ ซานโตซ่า เซซ่าร์(อินโดนีเซีย) 4-0 รุ่น 60 กก.ชาย พิฆเนศ สุขหยิก แพ้ อ่อง ขิน ซิต(พม่า) 0-1 รุ่น 67 กก.ชาย ปุริศ สายสมบัติ แพ้ มาลิก อาริฟ(มาเลเซีย) 1-4 รุ่น 55 กก.ชาย วรกานต์ โสดา แพ้ เซลวาม กุมาร์(มาเลเซีย) 0-7 

Advertisement

นอกจากนั้นยังได้อีก 2 เหรียญทองแดง จากรุ่น 55 กก.หญิง ทิพวัลน์ คำศรี และ รุ่น61 กก.หญิง กนกวรรณ ขวัญวงศ์ 

นักกีฬา ม.อาเซียนไทยทำเหรียญทองทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างอินโดนีเซียไปกว่า 10 เหรียญ และยังมีลุ้นอีกหลายกีฬา ทั้งเทเบิลเทนนิส, ตะกร้อ, คาราเต้-โด, บาสเกตบอล แต่อินโดนีเซียแทบไม่มีลุ้นแล้ว ทำให้ไทยมีโอกาสสูงถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ที่จะครองเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 7 ของมหกรรมนี้ และเป็นการครองแชมป์นอกประเทศได้ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ประเทศสิงคโปร์ได้เจ้าทองที่ผลงาน 52 เหรียญทอง

ยัดห่วงชายเชือดสิงคโปร์ทะลุชิงทอง
บาสเกตบอลชายไทยที่ก่อนหน้านี้ชนะมา 3 นัดรวด เจอกับสิงคโปร์ ในรอบพบกันหมดนัดสุดท้าย ถ้าไทยแพ้ไม่เกิน 20 แต้ม จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับอินโดนีเซียทันที ผลปรากฏว่าไทยทำได้ดีกว่าชนะไป 87-65 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะพบกับอินโดนีเซีย ทำให้ตอนนี้ยัดห่วงไทยเข้าไปลุ้นเหรียญทองทั้งทีมชายและทีมหญิง

....แฮปปี้ไทยครองเบอร์1อาเซียนต่อ
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย(ก.ก.ม.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจนักกีฬาปัญญาชนถึงกรุงเนปยีดอ และประสบความสำเร็จทำเหรียญทองทะลุเป้าหมาย 51 เหรียญทองที่วางไว้ ถือว่าทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างดี แสดงให้เห็นว่ากีฬาระดับมหาวิทยาลัยของไทยยังเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนอยู่ ซึ่งหวังว่ามหกรรมนี้จะเป็นรายการที่สร้างนักกีฬาไปสู่ทีมชาติในอนาคต การมาครั้งนี้ไทยเป็นแชมป์เก่าอยู่แล้ว ถามว่ากดดันหรือไม่ที่มาแข่งครั้งนี้ ถ้ามาแล้วชนะสบายๆ ก็ไม่ได้แสดงว่านักกีฬาไทยเก่งขึ้นเท่าไร แต่เมื่อถูกกดดันแล้วทำได้ ทำให้ชัดเจนว่าทัพปัญญาชนทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม

“ตอนนี้ถ้าได้ 55 เหรียญทองถือว่าน่าพอใจมาก เพราะเกินกว่าเป้า ทำให้เห็นว่ากีฬามหาวิทยาลัยของไทยยังเป็นเบอร์หนึ่งของภูมิภาคนี้ ถึงแม้จะอยู่ภายใต้กดดันก็ยังทำได้ดี และความสามารถก็ยังห่างกับหลายชาติในอาเซียนอยู่ แต่ต้องพัฒนาต่อไป เพื่อรักษาแชมป์ให้อยู่ต่อในอนาคต” ประธาน ก.ก.ม.ท.กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image