ประเด็นร้อนที่แฟนบอลไทยจับจ้องเป็นพิเศษตลอดทั้งวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 คือ กุนซือทีมฟุตบอล “ช้างศึก” คนใหม่ จะเป็น อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 หรือไม่..
แล้วสุดท้าย การร่วมประชุมระหว่างผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำโดย “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง, “เฮงซัง” วิทยา เลาหกุล อุปนายกสมาคม ฯลฯ กับ อากิระ นิชิโนะ กุนซือเลือดซามูไร กินเวลายาวนานกว่า 4 ชั่วโมง ยังไม่ได้ข้อยุติที่สะเด็ดน้ำ แบบทำเอาทุกคนสงสัยไปตามๆ กัน
การเจรจาอันยาวนานยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดย อากิระ นิชิโนะ บอกเพียงแต่ว่า ขอเวลากลับไปหารือกับทีมงานของเขาก่อนจะตัดสินใจ แล้วจะให้คำตอบกลับมาอีกรอบ ซึ่งนิชิโนะ จะบินกลับประเทศญี่ปุ่นในเช้าวันรุ่งขึ้น (2 ก.ค. 2562) ทันที
แฟนบอลไทยที่เฝ้ารอคอยฟังข่าวดีของวงการลูกหนังไทยถึงกับงงไปตามๆ กัน พร้อมกับคำถามและการคาดเดาต่างๆ นานาในโลกโซเชียลจนลุกเป็นไฟ….
นิชิโนะ เป็นกุนซือต่างชาติคนแรกที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เลือกจะตั้งโต๊ะเจรจาด้วย และชื่อของเขาโผล่ขึ้นมาเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งในการเข้ามารับงานกุนซือคนใหม่ของทีม “ช้างศึก” ต่อจากการลาออกไปของ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย
แถม “บิ๊กอ๊อด” ยังออกมาพูดเองว่า นิชิโนะ คือคนที่ใช่สำหรับทีม “ช้างศึก” และตามจีบ นิชิโนะ มานานกว่า 2 ปีแล้ว
นั่นเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า นิชิโนะ น่าจะเข้ามารับงานกุนซือทีม “ช้างศึก” แบบไร้ปัญหาอย่างแน่นอน
นิชิโนะ เลือกที่จะเดินทางมาเมืองไทยในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับการโผล่ไปนั่งดูเกมเตะ “ไทยลีก” คู่ระหว่าง “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ “ค้งคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ต่อด้วยวันรุ่งขึ้นที่คู่บิ๊กแมตช์ “ฉลามชล”ชลบุรี เอฟซี พบ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
พอเที่ยงวันของวันที่ 1 กรกฎาคม ทุกคนเชื่อกันว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะสามารถเซ็นสัญญาพร้อมเปิดตัว นิชิโนะ เป็นกุนซือช้างศึกคนใหม่ พร้อมกับข่าวลือกระแสหนึ่งร่ำลือว่า นิชิโนะ ได้รับค่าเหนื่อยปีละ 20 ล้านบาท อีกด้านหนึ่งว่ากันไปถึงปีละ 100 ล้านบาท
แต่ก็ดันเกิดอุบัติเหตุลูกหนังขึ้น นิชิโนะ มีความลังเลกับเงื่อนไขที่สมาคมกีฬาฟุตบอลของไทยตั้งขึ้น…!!!
ว่ากันว่า เหตุผลที่นิชิโนะ ลังเลยังไม่จรดปากกาเซ็นสัญญาเข้ามาเป็นกุนซือช้างศึกคนใหม่นั้น ติดขัดเงื่อนไขอยู่ 3 ข้อ
ข้อแรก การที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โยนให้ นิชิโนะ ตัดสินใจว่า จะเลือกทำทีมช้างศึกชุดใหญ่ เพียงชุดเดียว หรือว่าจะเลือกเป็นกุนซือควบทั้งชุดใหญ่ และชุดยู -23 ปีด้วย เพราะแน่นอนว่า มันย่อมเกี่ยวกับค่าจ้างที่แตกต่างกันด้วย
ข้อที่สอง เป้าหมายที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตั้งไว้ แน่นอนว่า สำหรับชุดยู-23 ปี นั้น จำเป็นต้องคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ปลายปีนี้ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ต่อด้วยการทำศึกยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ปีหน้า ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ และเป้าหมายย่อมอยู่ที่การคว้าโควต้าไปฟาดแข้งโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ค.ศ.2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่เป้าหมายของทีมชุดใหญ่ แน่นอนว่า มีศึกใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รออยู่ และน่าจะถูกตั้งเป้าหมายถึงการไปเล่นรอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย เป็นอย่างน้อย
ข้อที่สาม เป็นกรณีที่ต่อเนื่องจากข้อที่ 2 ในเงื่อนไขสัญญาที่ยื่นให้ นิชิโนะ พิจารณานั้น มีอยู่ข้อหนึ่งระบุไว้ว่า หากไม่สามารถนำทีมทำได้ตามเป้าหมายที่สมาคมฯ กำหนดไว้นั้น สมาคมมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าชดเชยกรณียกเลิกสัญญาล่วงหน้า เหมือนที่ มิโลวาน ราเยวัช โดนยกเลิกสัญญาทันทีกลางศึกฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ หลังเกมที่ “ช้างศึก” แพ้ อินเดีย เละเทะ 1-4
นิชิโนะ คงขอเวลาไตร่ตรองเงื่อนไขสัญญาที่สมาคมกีฬาฟุตบอลไทยตั้งขึ้น หากรับไม่ได้ คงไม่เดินหน้าต่อ และไทยคงต้องมองหากุนซือคนใหม่กันต่อไป
ว่ากันว่า ตัวของนิชิโนะ เองต้องการมาคุมทีมชาติไทย แถมยังได้แรงสนับสนุนจาก “เฮงซัง” เพื่อนเก่าสมัย วิทยา เลาหกุล ไปเล่นและเป็นโค้ชอยู่ญี่ปุ่นอีกด้วย
ทำไม นิชิโนะ ถึงจะไม่อยากทำทีมชาติไทย เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้คงต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบที่สุด
อดใจรอคำตอบของ “นิชิโนะ” อีกไม่นานได้รู้กัน….
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
