การแข่งขันฟุตบอลสโมสรโลก 2019 “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ” รอบรองชนะเลิศ ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดียม กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อกลางดึกคืนวันพุธที่ 18 ธันวาคม
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตัวแทนจากอังกฤษ พบกับ มอนเตอร์เรย์ แชมป์คอนคาเคฟ จากประเทศเม็กซิโก
เกมนี้หากทีมใดชนะจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ฟลาเมงโก้ แชมป์โคปาลิเบอร์ตาดอเรสคัพ จากบราซิล ที่ยืนรออยู่แล้ว ในวันที่ 22 ธันวาคม ส่วนผู้แพ้จะไปชิงอันดับ 3 กับ อัล ฮิลาล แชมป์เอเชีย จากซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 21 ธันวาคม
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล โรเตชั่นนักเตะเยอะพอสมควร แถมเกมนี้เจอปัญหาก่อนลงเตะเมื่อ เวอร์จิล ฟานไดค์ ปราการหลังตัวหลักเจอปัญหาอาการป่วยเล่นงานจนลงสนามช่วยทีมไม่ได้ โดย 11 คนแรกของ ลิเวอร์พูล ประกอบด้วย อลิสซง เบ็คเกอร์, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โจ โกเมซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, อดัม ลัลลาน่า, เซอร์ดาน ชากิรี่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และดิว็อค โอริกี้
คล็อปป์ แก้ปัญหาแนวรับ โดยให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ คู่กับ โจ โกเมซ
ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทได้ดีกว่า ครองบอลได้เหนือกว่า และมาได้ประตูออกนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 12 จากจังหวะที่ ซาล่าห์ แทงบอลทะลุช่องให้ เกอิต้า หลุดไปยิงง่ายๆ แต่ถัดมาแค่ 2 นาที มอนเตอร์เรย์ ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก ฟูเนส โมรี่
จากนั้นลิเวอร์พูล พยามบุกอย่างหนัก แต่ยังเจาะแนวรับมอนเตอร์เรย์ ไม่เข้า กระทั่งเกมเหลือ 15 นาทีสุดท้าย คล็อปป์ ต้องถอด โอริกี้ กับ ซากิรี่ ออก แล้วส่ง ซาดิโอ มาเน่ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงมาผนึกกำลังกับ ซาล่าห์
และแล้วช่วงทดเจ็บ “คล็อปไทม์” ตามสูตร ลิเวอร์พูล มาได้ประตูชัยจากการยิงของ ฟีร์มิโน่ จบเกมลิเวอร์พูล เฉือนชนะ มอนเตอร์เรย์ แบบหืดจับ 2-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศสำเร็จ
