“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศศักดาไว้ลายทีมเคยยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดบ้านโรงละครแห่งความฝันโอลด์แทรฟฟอร์ด ไล่ถลกขน “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ 4-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก ประจำค่ำคืนวันที่ 11 มกราคม
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือผู้ไม่เคยมีอารมณ์ร่วม จัดทีม 11 คนแรก ประกอบด้วย ดาบิด เด เคอา, แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, เฟร็ด, เนมานย่า มาติช, ฆวน มาต้า, อันเดรียส เปเรยร่า, มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ขณะที่นอริชฯ ไม่มีกองหน้าตัวเก่งอย่าง ติมู ปุ๊กกี้ที่บาดเจ็บ
แมนฯ ยู เหนือกว่าทุกกระบวนท่ากระทั่ง นาทีที่ 27 แมนฯ ยู ออกนำก่อน 1-0 วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ พาบอลขึ้นมาถึงกลางสนามก่อนจ่ายออกขวาให้ มาต้า ที่ตัดเข้าในแล้วเปิดโค้งด้วยซ้ายไปเสาสองให้ แรชฟอร์ด พุ่งแหย่เท้าทิ่มเข้าไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 1-0 และจบครึ่งแรก แมนฯ ยู นำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังเล่นมาเพียง 4 นาที แรชฟอร์ด จ่ายให้ วิลเลี่ยมส์ สปีดเข้าไปถึงบอลในกรอบเขตโทษก่อนถูก ทิม ครูล ปัดขาล้ม ผู้ตัดสิน เทย์เลอร์ ชี้เป็นจุดโทษทันที และแรชฟอร์ด ตะบันจุดโทษพาผีแดงนำ 2-0 ต่อมานาทีที่ 54 ปีศาจแดง หนีห่าง 3-0 จากจังหวะฉวยโอกาสเล่นเตะมุมเร็วทางด้านขวา มาต้า รับบอลก่อนครอสให้ มาร์กซิยาล ขวิดตุงตาข่าย
ช่วง 20 นาทีสุดท้าย โซลชา ส่ง กรีนวู้ด ลงแทน เปเรยร่า นาทีที่ 76 กรีนวู้ด แผลงฤทธิ์เมื่อได้บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนหาช่องกดด้วยซ้ายเป็นลูกเก่งของตัวเองเสียบโคนเสาพาแมนฯ ยู ถล่มแหลก 4-0 เก็บเพิ่้ม 3 แต้ม
แมนฯ ยู เตะ 22 นัด มี 34 แต้ม อยู่อันดับ 5 ส่วนนอริช เตะ 22 นัด มี 14 แต้ม จมอยู่บ๊วยต่อไป
ส่วนผลคู่อื่น
เชลซี ชนะ เบิร์นลีย์ 3-0
เอฟเวอร์ตัน ชนะ ไบร์ทตัน 1-0
เลสเตอร์ แพ้ เซาแธมป์ตัน 1-2
วูลฟ์แฮมป์ตัน เสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1
