ส.เพาะกาย ปลื้มศึกชิงแชมปไทย สร้างดาวรุ่งสู่ทีมชาติในอนาคตเพียบ
สมาคมกีฬาเพาะกายปลื้ม ศึกชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 ประสบความสำเร็จ สร้างดาวรุ่งสู่ทีมขาติในอนาคตอีกเพียบ เกินความคาดหมาย แม้จะแข่งขันรูปแบบใหม่ ระบบปิดไร้ผู้ชม พร้อมเดินหน้าวางแผนจัดโปรแกรมแข่งต่ออีก 5 รายการตลอดปีนี้
นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2564 นี้ ทางสมาคมฯ ได้จัดการแข่งขันรายการแรก การแข่งขันกีฬาเพาะกายและฟิตเนสชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 ถ้วยรางวัลพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “มิสเตอร์ไทยแลนด์ 2021” ที ไอส์แลนด์ฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ถือว่าประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะแข่งขันในช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่โรคนี้นั้น ยังอยู่กับคนไทยและคนทั่วโลกมาเป็นปีที่ 2 แล้ว ยิ่งในไทย ตอนนี้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาด ระลอก 3 ทำให้หลายกิจกรรมต้องงดและเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนั้น แต่ละหน่วยงานที่จัดกิจกรรมอยู่ ก็ต้องดำเนินกิจกรรมอย่างระมัดระวัง และเข้มงวด ตามมาตรการที่กำหนด ด้วยเป้าหมายที่ต้องการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การจัดการแข่งขันเพาะกายรายการนี้ เป็นไปในรูปแบบนิวนอร์มอลแบบปิด โดยไร้ผู้ชม
“สำหรับการแข่งขันเพาะกายครั้งนี้ เป็นรูปแบบใหม่ แบบปิด โดยใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 แบบเข้มงวดโดยไม่ให้ผู้ชมเข้าชมการแข่งขัน และนักกีฬา 1 คน มีผู้ติดตาม ได้คนเดียว โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางเพจสมาคมฯ ซึ่งตอนแรกที่วางแผนไว้เรามีการจำกัดผู้ชม ไม่เกิน 500 คน แต่ด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราต้องทบทวนมาตรการการจัดการแข่งขันใหม่ โดยต้องเปลี่ยนเป็นห้ามผู้ชมเข้าชมการแข่งขันแทน โดยแข่งขันแบบปิดในฮอลล์ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเลื่อนการจัดการแข่งขัน เพราะนักกีฬามีการเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ จำนวนมาก”
นายศุกรีย์ กล่าวอีกว่า ทางสมาคมกำหนดให้นักกีฬาที่แข่งวันไหน มาแค่วันแข่ง ถ้าไม่แข่งไม่ให้เข้าในสนามแข่งขัน ตลอด 3 วัน เราต้องให้นักกีฬาใส่หน้ากากอนามัยตลอด มีแค่ขึ้นเวทีที่ใส่เฟสชิลด์ได้ อาจจะได้รับเสียงต่อว่าจากกองเชียร์ที่ต้องการมาชมการแข่งขัน ทำให้ในเพจสมาคมฯ ได้รับเสียงบ่นจากแฟนคลับ เพราะบางคนเตรียมตัวมาชมการแข่งขันรายการนี้ โดยเฉพาะจากต่างจังหวัด แต่เราต้องทำเพื่อชาติ เพื่อปัองกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ส่วนใหญ่แฟนกีฬาเพาะกายหลายๆ คนก็เข้าใจ และยอมรับจนได้รับเสียงตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดผ่านทางเฟสบุ๊ค มียอดผู้ชมเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าทุกๆ ครั้ง
“รายการนี้ นักกีฬาที่เข้าแข่งขัน 300 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาหน้าใหม่ ส่วนผลการแข่งขันของนักกีฬาทีมชาติไทยยังทำผลงานได้ดี ทำผลงานแบบเสมอต้นเสมอปลาย สามารถรักษา ระดับความเป็นแชมป์ไว้ได้ แต่มีแชมป์หน้าใหม่หลายคน ที่ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ในประเภทฟิตเนส ทั้งชายและหญิง มีดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่มีหน่วยก้านดีทั้งชายและหญิง เช่นเดียวกับแอธเลติกฟิสิคชาย สปอร์ตฟิสิคชาย โมเดลฟิสิคหญิง รวมไปถึงการแข่งขันเพาะกาย รวมทั้งการคืนเวทีของอดีตทีมชาติ นักกีฬาหน้าใหม่หลายคนมีการเตรียมตัวอย่างดี จนสามารถทำผลงานได้ดี หลายๆ คนทำผลงานเกินความคาดหมาย ทำให้ในอนาคตเชื่อว่าสมาคมฯ จะมีนักกีฬาหน้าใหม่มาเสริมทีมชาติ ถือว่าการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างมาก”
นายกเพาะกายไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า สีสันของการแข่งขันครั้งนี้ คือเป็นครั้งแรก ที่มีการขอแต่งงานของ “ทีม”ธีรวัต กิรณะวัฒน์ (มิวเทนท์ แอนด์ เทร็ค ไทยแลนด์) ที่ 4 เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักเกิน 85 กก. ที่คุกเข่าพร้อมแหวนและดอกกุหลาบช่อใหญ่ขอแฟนสาว “นัท” สิริวิภา ฟูทรัพย์นิรันดร์ แต่งงาน หลังบ่มเพาะรักจนสุกงอมมายาวนานกว่า 10 ปี ท่ามกลางเพื่อนพ้องร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่
สำหรับรายการต่อไป ต่อจากรายการนี้ จะเป็นการแข่งขัน “ไทยแลนด์ มัสเซิล ฟิสิค” ที่พัทยา ในเดือนมิถุนายนต่อด้วย เดือนสิงหาคม “อีสาน คลาสสิค” ที่ขอนแก่น ต่อมา ในเดือนกันยายน “ไทยแลนด์ มาสเตอร์เกมส์” รายการต่อไป เดือนตุลาคม “อีลิท ฟิสิค” ที่เกาะสมุย หรือภูเก็ต และ ปิดท้าย เดือนธันวาคม “พายัพ คลาสสิค” ที่เชียงราย
สรุปผลการแข่งขัน สโมสรที่ได้ถ้วยคะแนนรวมอันดับ 1 นาร์แล็บ ไทยแลนด์ 505 คะแนน ส่วน แชมป์ออฟแชมป์เป็นของ วิชัย สิงห์ทอง (นาร์แล็บ ไทยแลนด์) อดีตทีมชาติ รองแขมป์โลกเมื่อปี 2014 กลับมาสู่สังเวียนแข่งขันในรอบ 4 ปี และ ได้แชมป์เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 75 กก.ครองถ้วยพระราชทาน
เพาะกายชาย มาสเตอร์อายุ 50 ปีขึ้นไป รุ่นทั่วไป สมคิด สุเมโธเวชกุล อดีตแชมป์โลก 6 สมัย (สมคิดยิม แอนด์ ฟิตเนส) กลับสู่สนามแข่งในรอบ 5 ปี เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 65 กก. วรธน มัชฌันติกะ (ชีวิตติดเหล็ก) เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 85 กก. วุฒิศักดิ์ จวนสาง (กายวี่) เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักเกิน 85 กก. พันธวัช นิมิตภาคภูมิ (มัสเซิลเทค ไทยแลนด์) เพาะกายเยาวชนชาย รุ่นทั่วไป กูดูรีมัน สามะอาลี (สมาคมกีฬาจ.ปัตตานี)
แอธเลติกฟิสิคชายความสูงไม่เกิน 170 ซม. สราวุธ พ่วงพี (นาร์แล็บ ไทยแลนด์) แอธเลติกฟิสิคชายความสูงไม่เกิน 175 ซม. อภิชาต มะระโชติสกุล (กายวี่) แอธเลติกฟิสิคชายความสูงไม่เกิน 175 ซม. พงศ์ ผาลา (แม็กซิมัม ยิม แอนด์ ฟิตเนส) โมเดลฟิสิคหญิง รุ่นความสูงไม่เกิน 160 ซม. “ดักแด้” ธัญญารัตน์ แจ่มใส (ฟิตสโตนยิม) โมเดลฟิสิคหญิง รุ่นความสูงไม่เกิน 164 ซม. “เนม” ตรีรักษ์ สระป้อมแก้ว รองแชมป์เอเชีย ปี 2019 (ฟิตสโตนยิม) โมเดลฟิสิคหญิง รุ่นความสูงเกิน 164 ซม. “กวาง” ชัญญาภัสร์ ก่อพาราภิรมย์ แชมป์โลก 2018 (ฟิตสโตนยิม) สปอร์ตฟิสิคหญิง รุ่นทั่วไป ชญาฐิตา นวลทอง (พาวเวอร์ บลาสท์ ยิม)
ฟิตเนสชายรุ่นทั่วไป “แจ้” วิชญ์รัตน์ คำบุญรัตน์ (กายวี่) ฟิตเนสหญิงรุ่นทั่วไป “น้องใบบัว” สิรินดา พันสถา ทีมชาติ (เอ็มวีพีไทยแลนด์) สปอร์ตฟิสิคชาย รุ่นความสูงไม่เกิน 170 ซม. ชนมภูมิ แสงกล้า (ไตรไฟท์ คลับ) สปอร์ตฟิสิคชาย รุ่นความสูงไม่เกิน 175 ซม.พชรกฤต กลีบบัว (นาร์แล็บ ไทยแลนด์) สปอร์ตฟิสิคชาย รุ่นความสูงเกิน 175 ซม. บุญญฤทธิ์ พิบูลย์ (เอ็มวีพีไทยแลนด์) แอธเลติกฟิสิคหญิง รุ่นทั่วไป สุจิตรา บำรุงสิริขันธ์ (ฟิตสโตนยิม) เพาะกายหญิง รุ่นทั่วไป ชมชนก แต้มพุดซา (พาวเวอร์ บลาสท์ ยิม)
