ยัดห่วงไทยตกรอบเอเชียคัพ – ‘เฮียต่าย’ ลั่นซีเกมส์ไม่ดีขึ้นจะพิจารณาตัวเอง
การแข่งขันบาสเกตบอล รายการ “ฟีบ้า เอเชีย คัพ 2021” รอบแบ่งกลุ่ม ช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2564 ที่เมืองคลาร์ค ประเทศฟิลิปปินส์ โดยทัพยัดห่วงหนุ่มทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย ทำผลงานแข่งขันไป 2 ช่วงของรอบแบ่งกลุ่ม แข่ง 4 เกม พ่ายทั้ง 4 เกม โดยพ่ายให้แก่ เกาหลีใต้ 1 เกม, พ่ายให้แก่ ฟิลิปปินส์ 2 เกม และพ่าย อินโดนีเซีย 1 เกม ซึ่ง 2 เกมสุดท้ายของช่วงที่ 3 นี้ ทีม ไทยจะพบกับเกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย
รายชื่อผู้เล่นทั้ง 11 คนของทัพบาสเกตบอลชายทีมชาติไทยที่เดินทางไปชิงชัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. “คานู” วัฒนา สุทธิสินธุ์ (สโมสรไฮ-เทค), 2. “เดฟ” สุขเดฟ โคเคอร์ (ไฮ-เทค), 3. “หรั่ง” ณกรณ์ ใจสนุก (ไฮ-เทค), 4. “อาร์ม” ณัฐกานต์ เมืองบุญ (ไฮ-เทค), 5. “อาร์ท” ชัชพล จึงแย้มปิ่น (ไฮ-เทค), 6. “แฟร์” อนัสวีย์ แกล้วณรงค์ (ไทยเครื่องสนาม), 7. “ช็อปเปอร์” จิตรภณ โตเวโรจน์ (บานวาส แบล็ค บูลส์), 8. “บิ๊ก” ธีรวัฒน์ จันทะจร (บานวาส แบล็ค บูลส์), 9. “เป้” ชิดชัย อนันติ (แพนเธอร์ส), 10. “อ็อฟ” อัฟนาน จรัลศาส์น (จุฬาลงกรณ์ฯ) และ 11. “โอม” ชนาธิป จักรวาฬ (ไฮ-เทค)
ผลการแข่งขันปรากฎว่ายัดห่วงหนุ่มทีมชาติไทยไม่สามารถต้านความแกร่งของคู่แข่งได้ พ่ายไปทั้ง 2 เกม โดยเกมแรกแพ้ให้กับเกาหลีใต้ 53-120 ส่วนเกมที่สองพ่ายให้แก่อินโดนีเซีย 69-86 ส่งผลให้จบการแข่งขันบาสเกตบอล รายการ “ฟีบ้า เอเชีย คัพ 2021” รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ทีมชาติไทยลงแข่งขัน 6 เกม แพ้รวด ได้อันดับสุดท้ายของกลุ่ม ตกรอบ
“เฮียต่าย” นายนิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เผยว่า ค่อนข้างผิดหวังกับผลงานที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าทีมมีปัญหาหลายๆ ด้านก่อนไปแข่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณที่ทางสมาคมฯ หามาซับพอร์ตได้ส่วนหนึ่งทำให้สภาพทีมไม่ได้ฟูลดีพร้อมเต็มร้อย ด้วยงบประมาณที่ค่อนข้างสูงในการส่งทีมไปแข่งรายการนี้เป็นจำนวน 2 ล้านกว่าบาท และสมาคมฯ สามารถเบิกทางกองทุนพัฒนากีฬาชาติของการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ประมาณ 9 แสนบาทเนื่องด้วยทางกองทุนฯ เขายังไม่ได้ปรับระบบให้รองรับสถานการณ์ของสมาคมกีฬาที่ต้องพบกับปัญหาเรื่องไวรัสระบาด แต่ทางสมาคมฯ ก็ไม่ได้กล่าวโทษทางการกีฬาแต่อย่างใด เพียงแต่อยากให้คนไทยเข้าใจว่าเหตุใดทีมถึงไม่สมบูรณ์
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องของงบประมาณแล้วยังมีปัญหาอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสในไทย นั่นทำให้นักกีฬาไทยซ้อมได้ไม่เต็มที่เพราะทางศบค.ก็ได้ขอความร่วมมือในการใช้สนามซ้อม เราก็ไม่กล้าเชิญคู่ซ้อมจากต่างชาติเข้ามาเพราะกลัวเรื่องการติดเชื้อ เกมลีกลีกระดับสูงของประเทศก็ไม่สามารถจัดแข่งได้ นักกีฬาส่วนหนึ่งของไทยก็ไม่อยากไปร่วมแข่งขันเพราะกลัวการติดเชื้อซึ่งเราเคารพการตัดสินใจของทุกคน ตัวผู้เล่นลูกครึ่งของเราก็ไม่สามารถบินกลับมาช่วยทีมได้เพราะติดหลักเกณฑ์บางอย่าง แต่ทางอินโดนีเซียมีผู้เล่นโอนสัญชาติได้เพราะได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันรอบสุดท้าย ซึ่งต้องบอกว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสของแต่ละประเทศนั้นไม่เท่ากัน และไทยกำลังหนักอยู่ สาเหตุหลายๆ อย่างเหล่านี้ทำให้ทีมไทยต้องไปแข่งด้วยความไม่พร้อม แต่เราจำเป็นต้องไปเพราะเราโดนบีบจากทางฟีบ้าว่าหากไม่ไปร่วมแข่งขันจะโดนตัดสิทธิหลายข้อจากทางฟีบ้า รวมทั้งจะโดนปรับเงินเป็นจำนวนประมาณ 5 ล้านบาทด้วยกัน ซึ่งนั่นสูงกว่างบประมาณที่ส่งแข่งขันเสียอีก อยากให้แฟนๆ บาสฯ ไทยสบายใจได้ว่าที่เราต้องส่งไปแข่งเพราะความจำเป็นจริงๆ แต่ในซีเกมส์ครั้งหน้าทุกอย่างมันจะพร้อมมากกว่านี้
นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลฯ กล่าวต่อว่า ซีเกมส์คือทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ ทางโอลิมปิกไทยหรือจะเป็นการกีฬาแห่งประเทศไทยจะให้การซับพอร์ตเราในทุกๆ เรื่อง ทีมบาสฯ เราจะพร้อมมากกว่านี้ อีกทั้งซีเกมส์จะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของผู้เล่นลูกครึ่งหรือโอนสัญชาติ และเมื่อถึงเวลานั้นลูกครึ่งอเมริกัน 4-5 คนของไทยจะกลับมาช่วยทีม ย้อนกลับไปในผลงานการไปเยือนเกาหลีใต้เมื่อตอนต้นปีเราแพ้เขาแค่ 7 คะแนนเพราะตอนนั้นทีมเราพร้อมสมบูรณ์มาก แต่ครั้งนี้เพราะเราไม่พร้อมจึงแพ้ขาด ในซีเกมส์แม้อินโดนีเซียจะโอนสัญชาติผู้เล่นผิวสีเข้ามาแต่มาเจอกับลูกครึ่งของเราที่มากันพร้อมๆ เราก็น่าจะเหนือกว่า ส่วนเวียดนามเจ้าภาพที่มีข่าวว่าเขาจะโอนสัญชาติผู้เล่นอเมริกันเข้ามาหลายคนแต่พวกเขาก็น่าจะยังมีข้อจำกัดของเขาอยู่ ดังนั้นผมเชื่อมั่นว่าในซีเกมส์ทีมไทยเราเข้าชิงฯ กับฟิลิปปินส์แน่นอน อยากให้แฟนๆ บาสฯ ไทยที่กำลังถาโถมไม่พอใจในโซเชียลตอนนี้สบายใจได้ว่าในซีเกมส์จะเป็นอีกโฉมหน้าหนึ่งเลย และพอถึงตอนนั้นถ้ายังไม่ดีอย่างที่บอกผมคงต้องพิจารณาตัวเองหน่อย
