‘ศศลักษณ์ ไหประโคน’ ร่ายยาวเปิดใจเริ่มปรับตัวกับ ‘ชุนบุค’

‘ศศลักษณ์ ไหประโคน’ ร่ายยาวเปิดใจเริ่มปรับตัวกับ ‘ชุนบุค’

 

 

 

ความเคลื่อนไหวของ “เจ้าพี” ศศลักษณ์ ไหประโคน แบ๊กซ้ายทีมชาติไทยที่ย้ายไปค้าแข้งในศึกฟุตบอลเคลีก ประเทศเกาหลีใต้ กับทีม ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือนจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเป็นนักเตะไทยคนที่ 2 ในรอบ 35 ปีต่อจาก “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ยอดกองหน้าระดับตำนานชาวไทยที่ไปเคยไปค้าแข้งกับลักกี้ โกลสตาร์ หรือปัจจุบันคือทีม เอฟซี โซล

Advertisement

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ศศลักษณ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ผมรู้ว่าจะได้มา ผมตื่นเต้นมาก แต่พอเวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเริ่มคิดแล้วว่า ผมไปคนเดียว จะไปยังไง อยู่ยังไง ยิ่งตอนที่กำลังจะแยกกับพี่ๆ ในทีมชาติ พี่ตังค์ (สารัช อยู่เย็น) ชวนผมคุย ผมก็เริ่มเงียบแล้ว ผมพูดไม่ออก ในหัวมีแต่คิดว่า นี่เราจะไปแล้วจริงๆ เหรอ พอผมมาถึง ก็นั่งรถบัสต่อมาที่เมืองชอนจูเลยครับ เขาจะมีรถของรัฐบาลมาคอยรับเรา และหน่วยงานของเขาพามาที่กักตัว (14วัน) ในส่วนของสโมสรก็เตรียมให้ทุกอย่างครับ ที่พัก ก็มีทั้งห้องนอน , ห้องฟิตเนส, เตรียมอาหาร, เตรียมนม และโปรตีนทุกอย่างให้เรา พอออกจากกักตัว ก็ซ้อมต่อได้เลย ระหว่างกักตัว 14 วัน ผมก็ได้โปรแกรมฟิตเนสจากโค้ชบุรีรัมย์ ด้วย ก็พยายามเตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุด ก่อนออกไปครับ และว่างๆ ผมก็นั่งดูเกมที่ ชุนบุค เล่นในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย รวมถึง หลายๆ ทีมในเคลีก อย่างโปฮังฯ ที่เจอกับ ราชบุรี

ศศลักษณ์ กล่าวต่อว่า จริงๆ ก็ศึกษาเกี่ยวกับทีมตั้งแต่ ชุนบุค ติดต่อเข้ามารอบแรกแล้วครับ พยายามดูว่าทีมเล่นเป็นยังไง มีสไตล์การเล่น หรือ ระบบแบบไหน รวมถึง พยายามจำชื่อนักเตะในทีม ให้ได้มากที่สุดครับ เพื่อจะรู้ว่าใครเป็นใคร แต่ละคนเล่นแบบไหน และศึกษาคู่แข่งที่อาจจะต้องเจอด้วย ก็พยายามเตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุดไว้ก่อนครับ พอกักตัวครบ 14 วัน ได้มาเจอ ได้มาอยู่จริงๆ เหมือนเจอโลกอีกใบเลยครับ ทุกคนที่นี่ดูขยันกันมาก เวลาทำงานก็คือทำงาน พร้อมที่จะซ้อมกันตลอด ให้ทำอะไรก็ทำ เหมือนเป็นพลังให้เราด้วย ในเมื่อเห็นคนอื่นทำได้ ผมก็ต้องทำได้ เหนื่อยได้ ผมก็ต้องเหนื่อยได้ ไม่ถึงตายหรอก ผมบอกตัวเองแค่นี้ครับ โค้ชอยากให้ผมปรับตัวเร็วที่สุด ตอนนี้ผมก็อยู่ที่ คลับ เฮาส์ สโมสรไปก่อนครับ ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาครับ คลับ เฮาส์ ที่นี่ สมบูรณ์แบบมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวก การจัดการต่างๆ และ พร้อมทุกอย่าง ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ชุนบุค ถึงเป็นหนึ่งในทีมที่ดีสุดในเอเชีย ก็จะพยายามปรับตัวให้เร็วที่สุดครับ

ศศลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า ทุกคนที่นี่ พยายามช่วยผมมากครับ แม้กระทั่งคนทำกับข้าว ถามผมตลอดว่าเป็นไงบ้าง โอเคมั้ย กับข้าวกินได้มั้ย พอเห็นผมกินได้ เขาก็ดีใจครับ และบอกว่าผมเป็นคนกินง่ายด้วย อย่างโค้ชที่ซ้อมให้ผมตอนนี้ ก็พาผมไปกินกาแฟ ทุกคนบอกผมว่า อยากให้ผมปรับตัวได้เร็ว และดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะพยายามช่วยผมให้ได้มากที่สุด จริงๆ เขาบอกว่าอยากพาผมไปหลายที่มาก แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 อาจจะไม่สะดวก แต่สำหรับผม แค่นี้ก็มากแล้วครับ ผู้เล่นในทีมอย่าง คูนิโมโตะ, กุสตาโว และ คนอื่นๆ ก็ทักมาว่า ยินดีต้อนรับนะ หรือ เด็กดาวรุ่งที่ซ้อมกับผมตอนนี้ ก็ถามผมว่าอยากกินอะไร เขาก็พาไปเลี้ยง เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ครับ มันทำให้ผมอบอุ่น และปรับตัวได้ง่ายขึ้น ก็ไม่คิดว่าทุกคนจะให้การต้อนรับผมดีแบบนี้ ที่สำคัญ การที่สโมสรมีล่ามให้ผม ก็ช่วยให้ผมเชื่อมกับคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยครับ

Advertisement

ดาวรุ่งทีมชาติไทย กล่าวต่อไปว่า 6 เดือนนับจากนี้ เป็น 6 เดือนที่สำคัญมากครับ จริงๆ ก็เหมือนสถานการณ์ตอนผมย้ายจาก แบงค็อง ไป บุรีรัมย์ แต่จะเป็นอีกหนึ่งบทบาท ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าไปอยู่แล้วจะได้สัญญาถาวรมั้ย แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่าไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้กับได้ครับ กับที่นี่ ผมก็จะพยายามทำงานให้หนัก พยายามได้สัญญาถาวรให้ได้ครับ หรือถ้าผมไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่อย่างน้อย สิ่งที่ผมได้กลับไปแน่นอนคือ ผมได้พัฒนาตัวเองครับ บางคนชอบบอกว่า ไม่คาดหวัง เราก็ไม่ผิดหวัง แต่ชีวิตผมอยู่ด้วยความหวัง ดังนั้น 6 เดือนนี้ ผมจะคาดหวัง และพยายามไปถึงสิ่งที่ผมหวังให้ได้ครับ ในแง่ความกดดัน เป็นเรื่องปกติครับ แต่ผมก็รู้ว่า ผมมาอยู่ตรงนี้ เพื่ออะไร และ ทำเพื่อใคร ส่วนเป้าหมาย ผมอยากโฟกัสไปที่การปรับตัวให้ได้ก่อน จากนั้น อยากมีโอกาสลงเล่นให้ได้มากที่สุดครับ ก็ไม่รู้ว่าวันนั้นจะเป็นเกมไหน แต่ผมจะพยายามเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เพื่อลงไปทำให้เต็มที่ และไม่ต้องเสียดายทีหลังครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image